Wednesday, April 24Modern Manufacturing
×

กสอ.ทุ่มงบ 800 ลบ.เปลี่ยน SMEs ให้ดีพร้อม

กสอ.ทุ่มงบกว่า 800 ล้านบาท ขับเคลื่อนเอสเอ็มอี 3 ด้าน ปั้น ปรุง เปลี่ยน ให้ดีพร้อม (DIProm) คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 13,000 ล้านบาท

กสอ.ทุ่มงบ 800 ลบ.เปลี่ยน SMEs ให้ดีพร้อม
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้กำหนดทิศทางและนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน ตามสโลแกน “ปั้น ปรุง เปลี่ยน เอสเอ็มอีให้ดีพร้อม (DIProm)”  โดยการ “ปั้น” ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ใน 3 มิติ “ก – ส – อ” ซึ่งสอดรับกับข้อสั่งการเร่งด่วน 3 ด้าน ของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม คือ

กสอ.ทุ่มงบ 800 ลบ.เปลี่ยน SMEs ให้ดีพร้อม

1) ปั้นเอสเอ็มอีเกษตรอุตสาหกรรม (ก) โดยเน้นการพัฒนาภาคการเกษตรจากเกษตรดั้งเดิมไปสู่เกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนเกษตรกรสู่การเป็นผู้ประกอบการ หรือ นักธุรกิจเกษตร นำระบบการผลิตและการบริหารจัดการในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจเกษตร เช่น Toyota Production System (TPS), Kaizen และนำนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป นอกจากนี้ยังรวมถึงการปั้นธุรกิจเอสเอ็มอีเครื่องจักรกลการเกษตรที่ยังขาดแคลน เช่น เครื่องลดความชื้นข้าวเปลือก การปั้นเอสเอ็มอีผู้ให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรแปลงเล็กแบบครบวงจรที่ทันสมัยในอัตราค่าบริการที่เอื้อมถึงได้ การส่งเสริมการค้นหาธุรกิจ

แปรรูปการเกษตรในทุกภูมิภาคผ่านศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (ITC 4.0) และการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมของ กสอ. จะเป็นการสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่มีมูลค่าสูง มีการเชื่อมโยงตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำไปจนถึงผู้ผลิตกลางน้ำ และส่งต่อให้ผู้ทำการตลาดปลายน้ำ อันเป็นการยกระดับรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากในองค์รวม

2) ปั้นเอสเอ็มอีให้มีแนวคิดสร้างสรรค์ (ส) โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่บนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา เชื่อมโยงกับทุนทางวัฒนธรรม สร้างอัตลักษณ์ท้องถิ่น ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ปั้นให้เกิดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงปั้นระบบการพัฒนาคน โดยร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อสร้างระบบฝึกงานให้นักศึกษาในภาคการศึกษาปกติ โดยที่นักศึกษาสามารถได้หน่วยกิตและผลการเรียนจากการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ซึ่งจะเป็นการสร้างแนวคิดการเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ (Entrepreneur) ให้นักศึกษาไปในตัว

3) ปั้นเอสเอ็มอีให้มีประสิทธิภาพ ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะ (อ) โดยจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใช้ดิจิทัลแอพพลิเคชั่นที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ (Business Application) ด้วยโปรแกรมเชิงพาณิชย์ (Commercial Application) โดยได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ฐานข้อมูลของ DEPA ฐานข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยและลูกค้าของ กสอ. และคัดเลือกบริษัทผู้ให้บริการระบบซอฟต์แวร์ที่มีศักยภาพ ซึ่งคาดว่าจะมีไม่น้อยกว่า 20 บริษัท โดยระบบซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชั่นที่ให้บริการนั้น เป็นรูปแบบ Cloud Based และจะให้ผู้ประกอบการได้ทดลองใช้ฟรีไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่ง กสอ. จะขอให้ผู้ประกอบการที่ขอรับบริการกับ กสอ. หากยังไม่มีการใช้ระบบดิจิทัลในธุรกิจ ต้องเลือกใช้แอพพลิเคชั่นใดก็ได้อย่างน้อย 1 โปรแกรม ขณะเดียวกันภาครัฐหรือกรมฯ สามารถเปลี่ยนจากการสร้างแอพพลิเคชั่นด้วยโครงการรัฐเอง ไปเป็นการช่วยส่งเสริมผู้ผลิตแอพพลิเคชั่น หรือสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพไปพร้อม ๆ กัน โดยผู้ผลิตซอฟร์แวร์ที่สนใจสามารถติดต่อขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการใช้ระบบดิจิทัลได้กับทางกรมฯ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นอกจากการ “ปั้น” ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใน 3 ด้าน ดังกล่าวแล้ว กสอ. ยังได้ “ปรุง” มาตรการและโครงการเพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอี ด้วยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า สมาพันธ์เอสเอ็มอี สภาเกษตรกร และผู้นำพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยกันปรุง ช่วยกันกระจายการส่งเสริมอุตสาหกรรมสู่ภูมิภาค ตอบสนองความต้องการที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ล่าสุด กสอ. จะทำงานบูรณาการร่วมกันปรุงกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และมหาวิทยาลัยในการพัฒนาต่อยอด ปรุงแต่งโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ หมู่บ้าน CIV เพื่อสร้างรายได้เสริมและเชื่อมโยงระบบท่องเที่ยวชุมชน พร้อมเชื่อมโยงระบบส่งเสริมอุตสาหกรรมเข้ากับระบบสนับสนุนทางการเงินให้วิสาหกิจชุมชนและเกษตรกร รวมถึงการวางแนวทางในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้โมเดลการดำเนินธุรกิจแบบ Business Process Outsourcing (BPO) คือ การมอบหมายงานบางส่วนภายในองค์กรให้กับบุคคลภายนอกรับผิดชอบดูแลแทน เพื่อแบ่งเบาภาระงานที่ไม่ถนัดและทำให้ธุรกิจสามารถเดินต่อได้โดยไม่สะดุด รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดธุรกิจ BPO ในภูมิภาค เอื้อผู้ประกอบการในพื้นที่ให้มีความเข้มแข็ง ไม่เกิดปัญหาการย้ายถิ่นฐานมาทำงานในเมืองหลวง การสร้างระบบนิเวศ หรืออีโคซิสเต็มส์ โดยเน้นจุดแข็งของ กสอ. ที่มีเครือข่ายในโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) ผู้ประกอบการรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จ (Success Case) และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมและขยายผลให้เกิดผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จรายอื่น ๆ

มากขึ้นโดยเร็ว เปรียบเสมือนการนำจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานมาปรุงสูตรสำเร็จ ที่จะช่วยทำให้เอสเอ็มอีมีความกลมกล่อม ประสบความสำเร็จ

และสุดท้าย คือ การ “เปลี่ยน” วิธีดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี อย่างมีประสิทธิภาพ โดย กสอ. จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยงานภายในกรมฯ เพื่อรองรับการส่งเสริมและพัฒนาด้านเกษตรอุตสาหกรรมตามนโยบายเร่งด่วนของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และจะปรับเปลี่ยนบทบาทศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคให้เน้นการพัฒนาผู้ประกอบการด้านเกษตรอุตสาหกรรม รวมถึงปรับเปลี่ยนการให้บริการของศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (ITC 4.0) โดยเน้นการบริการที่รวดเร็ว ไม่ซ้ำซ้อน ขณะเดียวกัน เพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้ปรับเปลี่ยนระบบการให้บริการในรูปแบบดิจิทัลเซอร์วิส กสอ. ได้มีนโยบายให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนทุกรายที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญที่มาร่วมงานกับ กสอ. ลงทะเบียนเป็นสมาชิกด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ i-Industry Big Data ของกระทรวงอุตสาหกรรม (https://i.industry.go.th) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และตรงประเด็นยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งเสริมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ กสอ. จะมีการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในองค์กรมากขึ้น โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดแนวทางดำเนินงานร่วมกัน ระหว่าง กสอ. สำนักงาน กพร. สวทช. และ DEPA เพื่อทำงานร่วมกัน

“ภายใต้งบประมาณปี พ.ศ. 2563 กว่า 800 ล้านบาท กสอ. พร้อมเร่งเครื่องการทำงาน ตามทิศทางและนโยบายที่กล่าวมาให้เกิดเป็นรูปธรรม ชัดเจน เพื่อขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ให้บรรลุผลตามเป้าหมาย เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 13,000 ล้านบาท โดยหัวใจสำคัญมาจากการปรับกลไลการดำเนินงานและบูรณาการความร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (Department of Industrial Promotion – DIProm) จะ “ปั้น ปรุง เปลี่ยน เอสเอ็มอีให้ดี และไม่ใช่แค่ดีเฉย ๆ แต่ต้องดีพร้อม (DIProm) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้มีศักยภาพ สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน” นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

Nichaphan W.
Marketing
READ MORE
×