Tuesday, March 19Modern Manufacturing
×

อีสท์ วอเตอร์ วางแผนบริหารน้ำรับมือภัยแล้ง

อีสท์ วอเตอร์ วางแผนบริหารน้ำรับมือภัยแล้ง

อีสท์ วอเตอร์ เตรียมมาตรการ รับมือภียแล้ง พร้อมเสนอให้บริการน้ำครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

อีสท์ วอเตอร์ วางแผนบริหารน้ำรับมือภัยแล้ง

นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์

นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ของศูนย์พยากรณ์ต่างๆ คาดว่าในปี 2562 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญกำลังอ่อนต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2562 ส่งผลให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงดังกล่าว และมีปริมาณฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 10-30 จากนั้นอุณหภูมิและปริมาณฝนจะกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยต่อไป

อีสท์ วอเตอร์ วางแผนบริหารน้ำรับมือภัยแล้ง

ทั้งนี้อีสท์ วอเตอร์ ได้เตรียมมาตรการต่างๆ ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบสูบน้ำในทุกพื้นที่ การเพิ่มประสิทธิภาพการสูบผันน้ำข้ามพื้นที่ และการเตรียมน้ำดิบจากบ่อดินเอกชนเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนมีน้ำใช้อย่างพอเพียง โดยปัจจุบันจากการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและบูรณาการแบบอีสท์วอเตอร์โมเดล ที่ได้พัฒนาระบบท่อส่งน้ำดิบด้วย Water Grid เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกกว่า 491.8 กม. ทำให้ภาคตะวันออกมีน้ำใช้อย่างเพียงพอกับความต้องการของทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ยังได้จัดประชุม วอเตอร์วอร์รูม (Water War Room) หรือศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก เพื่อรายงานสถานการณ์น้ำภาคตะวันออกในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และจัดทำแผนป้องกันปัญหาภัยแล้ง โดยมีแผนการสำรองน้ำกรณีเกิดภัยแล้ง อันได้แก่ การสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-คลองใหญ่ การสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองปลาไหล การจัดหาแหล่งน้ำดิบสำรองจากบ่อดินเอกชน เป็นต้น โดยมีการประสานงานกับกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการจัดการปริมาณน้ำให้เพียงพอ และการจัดการตุ้นทุนให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด

ในส่วนของนโยบายเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ในบริเวณ 3 จังหวัดพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำดิบและน้ำประปาของบริษัทในระยะยาวมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น จากการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการรายใหม่ และรายเดิมที่มีแผนการขยายกำลังการผลิต พบว่าความต้องการบริการน้ำครบวงจร อันได้แก่ น้ำดิบ น้ำอุตสาหกรรม การบำบัดน้ำเสีย และการ Recycle มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีสท์ วอเตอร์จึงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจน้ำครบวงจรซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและนโยบายของรัฐบาลในโครงการ EEC ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจจากลูกค้าหลายราย นอกเหนือจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ โรงไฟฟ้า Gulf ปลวกแดง ซึ่งได้ลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอื่นๆ รวมทั้งลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่ EEC ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างนำเสนอการให้บริการน้ำครบวงจร

จากการวิเคราะห์อุตสาหกรรมน้ำครบวงจรพบว่ามีการแข่งขันสูง ซึ่งทางอีสท์ วอเตอร์ ได้ใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก กลยุทธ์การวิจัยและพัฒนา และกลยุทธ์การพัฒนาประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญของบุคลากรน้ำครบวงจร เพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์น้ำครบวงจรแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยมีมาตรฐานและเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนเป็นที่ยอมรับตลอดจนราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดน้ำครบวงจรได้เป็นอย่างดี

Kanokkarn .T
READ MORE
×