ภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ของไทยแสดงความกังวลอย่างชัดเจนต่อผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจส่งผลต่อการจ้างงาน การผลิต และความเชื่อมั่นในการลงทุนระยะยาว หากไทยยังไม่มีความชัดเจนในการรับมือ
ดร.สัมพันธ์ ศิลปนาฎ นายกสมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และอุปนายกสมาคมเซมิคอนดักเตอร์ไทย ระบุว่า แม้ไทยยังได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ คุณภาพแรงงาน และโครงสร้างอุตสาหกรรม แต่ภาษีที่เพิ่มขึ้นกำลังสร้างแรงกดดันใหม่ให้กับผู้ผลิต โดยเฉพาะเซกเตอร์ที่เคยคุ้นกับอัตราภาษีเป็นศูนย์ หากปรับขึ้นไป 10% ก็รับได้ยากแล้ว และหากสูงถึงระดับ 36% ก็จะเร่งให้เกิดการลดกำลังผลิต ย้ายฐานการผลิต และกระทบตำแหน่งงานโดยตรง
กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไทยมีความพร้อมด้านระบบตรวจสอบและการจัดการ Local Content โดยหลายเซกเตอร์สามารถผลิตในประเทศได้เกิน 50% แต่บางกลุ่ม เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยังมีอัตรา Local Content ต่ำมาก เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง ความแม่นยำ และการพัฒนาในระยะยาว
ความกังวลอีกด้าน คือผลกระทบต่อแผนการพัฒนาทุนมนุษย์ในสาขาอิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ผ่านมากลุ่มอุตสาหกรรมได้ทำงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาแล้วกว่า 4 ปี เพื่อยกระดับบุคลากรและตั้งศูนย์ R&D ขนาดใหญ่ในประเทศ หากไทยไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ อาจกระทบต่อแผนงานเหล่านี้โดยตรง
แม้ผู้ประกอบการในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ยังไม่ร้องขอมาตรการเยียวยาโดยตรง แต่เรียกร้องให้ภาครัฐร่วมมือในการแบ่งปันข้อมูล วิเคราะห์ผลกระทบรายอุตสาหกรรม และจัดการบริหารความเสี่ยงร่วมกัน เพราะโครงสร้างของแต่ละเซกเตอร์ซับซ้อนและมีความแตกต่างสูง
มุมมองในภาคอุตสาหกรรมของทาง MM Thailand
ภาษีทรัมป์กลายเป็นแรงกระเพื่อมที่อาจสั่นคลอนโครงสร้างอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และ EV ที่ต้องอาศัยซัพพลายเชนและตลาดส่งออก การโยกฐานการผลิตไปยังประเทศที่ได้สิทธิภาษีต่ำกว่า เช่น เวียดนาม หรือเม็กซิโก อาจเกิดขึ้นหากไทยไม่สามารถสร้างแรงจูงใจด้านนโยบายได้ทัดเทียม ดังนั้นความสามารถในการปรับตัวของทั้งรัฐและเอกชนจะเป็นตัวชี้ชะตาอุตสาหกรรมนี้ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
ที่มาข่าว : ฐานเศรษฐกิจ










