รัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจเกิดใหม่ 20 ชาติ (G20) แถลงว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับ ‘ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นและความท้าทายที่ซับซ้อน’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณรีภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาโดยโดนัลด์ ทรัมป์ การสร้างความร่วมมือพหุภาคีจะเป็นทางออกที่รับมือกับคามเสี่ยงนี้ได้
การประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันใกล้เมืองเดอร์บัน แอฟริกาใต้ ได้ออกแถลงการณ์ร่วม ซึ่งถือเป็นเอกสารลักษณะนี้ฉบับแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2567 โดย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าร่วมการประชุม
ในแถลงการณ์ระบุว่า G20 “ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือพหุภาคีเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่มีอยู่และที่กำลังเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก” สะท้อนถึงความกังวลต่อผลกระทบด้านลบจากมาตรการขึ้นภาษีคลั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา
บรรดารัฐมนตรีคลังย้ำถึงความสำคัญขององค์การการค้าโลก (WTO) ในการผลักดันประเด็นด้านการค้า ขณะที่ผู้เข้าร่วมหลายคนแสดงความไม่พอใจต่อแนวทางการดำเนินการแบบฝ่ายเดียวของทรัมป์ โดยเตือนว่าอาจกระตุ้นให้เกิดกระแสกีดกันทางการค้ามากขึ้น
แถลงการณ์ยังยืนยันว่ากฎเกณฑ์ที่ได้รับการตกลงร่วมกันภายใต้ WTO เป็นส่วนสำคัญของระบบการค้าโลก ซึ่งการประชุม G20 ครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงใกล้เส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ที่ทรัมป์กำหนดเริ่มต้นการบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีการค้าอันน่ากังวลของสหรัฐอเมริกาต่อประเทศคู่ค้าทั้งหลาย
คัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเข้าร่วมการประชุม G20 ก่อนถึงการเลือกตั้งสภาสูงในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่ คาซุโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ไม่สามารถเดินทางไปแอฟริกาใต้ได้เนื่องจากติดภารกิจอื่น
คาโตะซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายใต้รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เขาได้แสดงความกังวลต่อรัฐมนตรี G20 คนอื่น ๆ ในการประชุมที่เกิดขึ้นโดยระบุว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดจากมาตรการภาษีชุดใหม่ของสหรัฐฯ อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงิน
ในขณะที่สก็อตต์ เบสเซนต์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีการคลังของสหรัฐอเมริการเลือกเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อร่วมงาน ‘วันชาติสหรัฐอเมริกา’ ในงานเวิลด์เอ็กซ์โปที่โอซากา แทนการเข้าร่วมประชุม G20 ในครั้งนี้แทน
ที่มาข่าว:
Infoquest










