การบินไทย รุกขยายธุรกิจศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) มูลค่าการลงทุนกว่า 13,000 ล้านบาท รองรับฝูงบิน 150 ลำ โดย 3 พันล้านบาทยกระดับศูนย์ซ่อมดอนเมือง รองรับการซ่อมเครื่องยนต์ CFM Leap สำหรับเครื่องบินแอร์บัส A321 Neo ควงบางกอกแอร์เวย์สทุ่ม 1 หมื่นล้าน เสนอตัวลงทุนศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา ปลายกันยายนนี้
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังนำหุ้น THAI กลับเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap.) รวม 4.18 แสนล้านบาท หุ้นการบินไทยจึงเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดลำดับที่ 10 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
ปัจจุบันการบินไทยพยายามเช่าเครื่องบินเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาให้บริการ ระหว่างที่การจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 45 ลำ จะเริ่มทยอยรับมอบลำแรก จากเดิมกลางปี 2570 เป็นปลายปี 2570 การตัดสินใจว่าจะซื้อหรือเช่าซื้อเครื่องบิน 45 ลำ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า โดยจะพิจารณาจากผลประกอบการและสภาพคล่องทางการเงิน
การบินไทยมองถึงการขยายการลงทุนในธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศ (Maintenance Repair and Overhaul : MRO) แม้ปัจจุบัน รายได้จากธุรกิจ MRO ของการบินไทยยังถือว่ามีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมด แต่ธุรกิจนี้ถือเป็นจุดโฟกัสสำคัญของการบินไทย ในการซ่อมบำรุงเครื่องบินของการบินไทย ตามแผนขยายฝูงบินเพิ่มเป็น 103 ลำในปี 2569 เพิ่มเป็น 116 ลำในปี 2570 โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่ 150 ลำในปี 2576 และการเพิ่มรายได้ในอนาคต จากสายการบินลูกค้า ทำให้การบินไทยมีศักยภาพในการซ่อมบำรุงที่มั่นคง เนื่องจากหากต้องพึ่งพาการซ่อมบำรุงจากประเทศอื่น ๆ จะทำให้ขาดความมั่นคงในการดำเนินงาน
ทั้งนี้การบินไทยมีแผนขยายการลงทุนในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานดอนเมือง โดยการบินไทยมีแผนลงทุนเพิ่มเติมอีก 3,000 ล้านบาท ในการสร้างโรงซ่อมเครื่องยนต์ใหม่และจัดซื้อเครื่องมือต่างๆ เพื่อขยายขีดความสามารถในการซ่อมบำรุง โดยเป็นการซ่อมเครื่องยนต์ CFM Leap สำหรับเครื่องบิน Airbus A321 Neo ซึ่งการบินไทยจะทยอยรับมอบ 32 ลำภายในสิ้นปีนี้ การซ่อมเครื่องยนต์รุ่นนี้ถือเป็นความสามารถใหม่ที่การบินไทยไม่เคยทำได้มาก่อน ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการส่งเครื่องยนต์ไปซ่อมบำรุงในต่างประเทศ ระยะการลงทุนเฟสแรกประมาณ 400 ล้านบาทแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ On-Site Visit Support (เฟสแรก), Quick Turn (เฟสสอง), และ Shop Visit (เฟสสาม)
สำหรับแผนการลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งขณะนี้การบินไทยเตรียมยื่นหนังสือแสดงความจำนงไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อขอเช่าพื้นที่ บนพื้นที่ 210 ไร่ ซึ่ง EEC ได้แจ้งให้การบินไทยยื่นข้อเสนอสำหรับการเช่าพื้นที่ระยะเวลา 50 ปี ซึ่งการบินไทย ต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นด้วยซึ่งทาง EEC เปิดให้ผู้ประกอบการสัญชาติไทยเสนอโครงการเข้ามาได้ ซึ่งการลงทุนในโครงการนี้เฉพาะในส่วนการบินไทยอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โครงการนี้ถือเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานขนาดใหญ่ของการบินไทย โดยจะสามารถรองรับเครื่องบินได้ทุกแบบ โดยเฉพาะเครื่องบินลำตัวกว้าง เช่น โบอิ้ง 787, โบอิ้ง 777, และแอร์บัส A350
ปัจจุบันศูนย์ซ่อมบำรุงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความสามารถเทียบเท่ากับที่ดอนเมือง และยังไม่มีแผนพัฒนาเพิ่มเติมที่สำคัญในขณะนี้
ที่มาข่าว:
ฐานเศรษฐกิจ










