กรมชลประทานเผยผลบริหารจัดการน้ำ 58 อ่างเก็บน้ำภาคตะวันออกมีน้ำกักเกือบ 53% เดินหน้าสูบผันน้ำเสริมต้นทุนหลายเส้นทาง คาดสิ้นฤดูฝนตุลาคมนี้น้ำเต็มตามเป้า รองรับการเกษตร อุตสาหกรรม และความมั่นคงน้ำในพื้นที่ EEC ได้อย่างเพียงพอ
นายทินกร เหลือล้น ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 พร้อมด้วยผู้บริหารในพื้นที่นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ภาคตะวันออก และพื้นที่ EEC (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง) มุ่งบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเป้าหมาย สามารถสนับสนุนทุกกิจกรรมได้เพียงพอตลอดทั้งปี
ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้ง 58 แห่ง ในพื้นที่ภาคตะวันออก มีปริมาณน้ำเก็บกักรวมกันทั้งสิ้น 1,339 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็นเกือบ 53% ของความจุอ่างเก็บน้ำรวมกัน จนถึงขณะนี้มีผลการสูบน้ำโครงข่ายบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกดังนี้
- การสูบผันน้ำจากคลองพระองค์ฯและคลองชลประทานพานทอง มาเติมน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำบางพระ ปริมาณน้ำสะสมรวมประมาณ 35.4 ล้าน ลบ.ม.
- การสูบผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกง มาเติมน้ำต้นทุนให้อ่างเก็บน้ำบางพระ ปริมาณน้ำสะสมรวม 3.53 ล้านลบ.ม.
- การสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ปริมาณน้ำสะสมรวม 27.74 ล้านลบ.ม.
- การสูบผันน้ำกลับจากคลองสะพานไปยังอ่างเก็บน้ำประแสร์ ปริมาณน้ำสะสมรวม 9.11 ล้านลบ.ม.
- การสูบผันน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปยังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ เพื่อไปเสริมน้ำต้นทุนให้กับอ่างฯหนองปลาไหล ปริมาณน้ำสะสมรวม 20.16 ล้านลบ.ม.
- การสูบผันน้ำกลับจากวัดละหารไร่ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ปริมาณน้ำสะสมรวม 1.69 ล้านลบ.ม. ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ตามมาตรการรับมือฤดูฝนที่วางไว้ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำไว้ให้อ่างเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด คาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนในเดือนตุลาคมนึ้ จะมีปริมาณน้ำเก็บกักตามแผนที่วางไว้ สามารถสนับสนุนน้ำเพื่อการผลิตน้ำประปา รักษาระบบนิเวศควบคุมความเค็ม การเกษตรและภาคอุตสหกรรม ในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี
ที่มาข่าว:
ฐานเศรษฐกิจ











