SIEMENS WinCC
thai rubber industry innovation

เจาะลึกอุตสาหกรรมยางพาราไทย จากน้ำยางสีขาวสู่ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมระดับโลก

Date Post
11.10.2025
Post Views

‘ยางพารา’ หัวใจเศรษฐกิจและการยกระดับคุณภาพชีวิต

อุตสาหกรรมยางพาราจัดเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน ไม่เพียงแต่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และที่สำคัญที่สุดคือเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย ในอดีต พื้นที่ปลูกยางพาราส่วนใหญ่ของไทยจะอยู่ทางภาคใต้ แต่ด้วยการพัฒนาทางการเกษตรและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้พื้นที่ปลูกยางพาราได้ขยายไปยังภาคอื่น ๆ ของประเทศด้วย เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน อย่างเช่น จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งทำให้เรามีปริมาณยางพาราที่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิต

ต้นทาง: จากสวนสู่การวัดคุณภาพที่เข้มงวด

กระบวนการในอุตสาหกรรมยางเริ่มต้นตั้งแต่ต้นทางที่ยางพาราเป็นเพียง “น้ำยางขาว ๆ” เมื่อเกษตรกรกรีดยางเสร็จแล้ว ยางจะถูกพักไว้ที่สวน ซึ่งหากพักไว้นาน ยางจะมีเนื้อยางที่ดีขึ้นและจะได้ราคาสูงขึ้น หลังจากนั้น ยางจะถูกขนส่งมายังโรงงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการรับซื้อและตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด

ขั้นตอนแรกที่โรงงานคือการ “เทิร์นน้ำ” ซึ่งเป็นคำภาษาชาวบ้านที่หมายถึงการให้รถบรรทุกยางเข้าสู่พื้นที่ลาดเอียงเพื่อให้น้ำที่อยู่ในก้อนยางไหลออกมา การทำเช่นนี้ก็เพื่อให้การวัดค่า DRC (เปอร์เซ็นต์เนื้อยาง) มีความเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น เพราะโรงงานต้องการซื้อเนื้อยาง ไม่ได้ต้องการซื้อน้ำ น้ำที่ไหลออกมานี้จะถูกรวบรวมเข้าสู่ระบบบำบัด และน้ำเหล่านี้ยังมีคุณค่า มีความเป็นปุ๋ยสูง โดยเฉพาะไนโตรเจน ซึ่งจะถูกนำไปบำบัดและนำส่วนที่ไม่มีประโยชน์ไปใช้ในแปลงหญ้าต่อไป ซึ่งถือเป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ดี

หลังจากเทิร์นน้ำแล้ว รถบรรทุกจะถูกนำไปชั่งน้ำหนัก โรงงานบางแห่งมีตาชั่งหลายระบบ รวมถึงตาชั่งเล็กสำหรับรถบรรทุกขนาดเล็กที่มาจากชาวสวนโดยตรง การมีตาชั่งเล็กนี้ช่วยให้แน่ใจว่าน้ำหนักที่หายไปเพียงหลักหน่วยจะไม่ถูกตัดออก เนื่องจากบางครั้งระบบตาชั่งใหญ่จะปัดน้ำหนักหลักหน่วยให้เป็นศูนย์ ซึ่งอาจเป็นการตัดเงินของเกษตรกรได้

ขั้นตอนสำคัญต่อมาคือการ วัดค่า DRC เจ้าหน้าที่จะมาเก็บตัวอย่างยางประมาณ 5-40 เข่ง ขึ้นอยู่กับปริมาณยางในรถแต่ละคัน เพื่อให้ยางตัวอย่างนี้เป็นตัวแทนของยางทั้งคันที่ถูกต้อง ในขั้นตอนนี้ เจ้าหน้าที่ที่เก็บตัวอย่างจะได้รับการสอนมาเป็นอย่างดีให้สังเกตอายุของยาง (จำนวน “มีด” หรือจำนวนวันที่กรีด) โดยดูจากความนิ่มความแข็งของก้อนยาง รวมถึงสี ยางที่มีอายุเยอะจะมีสีเข้มกว่า ยางเหล่านี้จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการรีดเพื่อหาเปอร์เซ็นต์เนื้อยางต่อไป

การบ่มและการทำความสะอาดอย่างเข้มข้น

ยางที่ผ่านการวัดค่า DRC เสร็จแล้ว จะถูกนำมาบ่มต่อในโกดัง การบ่มมีจุดประสงค์เพื่อให้ยางมีเปอร์เซ็นต์ DRC ที่ดีขึ้น มีความแข็งเพิ่มขึ้น และแห้งขึ้น แต่การทำให้แห้งนี้ต้องทำอย่างช้า ๆ ในที่ร่ม โดยมีการค่อย ๆ พรมน้ำ เพื่อให้ยางแห้งสม่ำเสมอกันทั้งกอง หากเร่งการแห้งโดยการตากแดด จะทำให้คุณสมบัติของยางเสียไป คือแรงยืดหยุ่นและการรับแรงดึงจะไม่ดี  ก่อนเข้าสู่การผลิต โรงงานจะมีการ สกรีนนิ่งเบื้องต้น (Pre-Grinding) เพื่อคัดแยกสิ่งสกปรกที่เจือปนมาออก สิ่งสกปรกเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องจักรและทำให้คุณภาพยางเพี้ยนไปได้ เช่น เหล็ก, ก้อนหินใหญ่, ดิน, สายไฟ, หรือแม้กระทั่งหน้ากากอนามัยที่ปนเปื้อนมาในช่วงโควิด

หลังจากนั้น ยางก้อนใหญ่จะเข้าสู่เครื่อง Slab Cutter เพื่อสับให้เล็กลง กระบวนการผลิตขั้นนี้เน้นการเอาสิ่งสกปรก เช่น ดิน, ทราย, ใบไม้, หรือเศษไม้ ออกจากก้อนยางอย่างหมดจด หลักการทำงานคือการสับแล้วนำไปกวนในน้ำ ซึ่งดินจะตกลงไปข้างล่าง ส่วนยางซึ่งมีความถ่วงจำเพาะที่เบากว่าก็จะลอยขึ้นบนและไหลไปตามบ่อต่าง ๆ กระบวนการล้างนี้ต้องทำซ้ำ ๆ โดยผ่านบ่อล้างรวมทั้งหมดถึง 6 บ่อ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานของยางในระดับโลกและในประเทศไทย การล้างหลายครั้งนี้จะทำให้สีน้ำในบ่อใสขึ้นเรื่อย ๆ และกลิ่นยางจะค่อย ๆ หายไป

กระบวนการทำความสะอาดขั้นสุดท้ายคือการ รีดเพื่อเอาสิ่งสกปรกภายในออก ซึ่งคล้ายกับการซักผ้า โดยลูกรีดสองลูกจะทำงานเหลื่อมกันเพื่อขยี้ก้อนยาง และสับให้ยางเป็นแผ่น การขยี้และรีดนี้จะทำซ้ำอีกถึง 6 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่ายางสะอาดที่สุด กระบวนการสำคัญในอุตสาหกรรมต้นน้ำของยางจึงเป็นการเตรียมวัตถุดิบที่เข้มงวดที่สุด

ศักยภาพ ยางพาราไทย: การแปรรูปสู่ปลายน้ำ

thai rubber industry innovation 01

ยางที่ถูกรีดจนเป็นชิ้นฝอยเล็ก ๆ แล้ว จะถูกส่งต่อไปที่ “หอโรย” แล้วบรรจุลงใน เก๊ะสแตนเลส เพื่อนำเข้าสู่เตาอบอัตโนมัติ ยางจะใช้เวลาอบประมาณ 4 ชั่วโมง เมื่อออกจากเตาอบ ยางจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาล

หลังจากการอบ ขั้นตอนต่อไปคือการชั่งน้ำหนัก โดยยางแต่ละก้อนจะต้องมีน้ำหนัก 35 กิโลกรัม (อาจบวก/ลบได้ 0.05 กิโลกรัม) จากนั้นจะนำเข้าสู่ เครื่องอัด ด้วยแรงดันสูงถึง 120 บาร์ เพื่อให้ยางมีลักษณะทางกายภาพเป็นก้อนสี่เหลี่ยมที่เท่ากันทุกก้อน ซึ่งจะง่ายต่อการแพ็กกิ้งและการขึ้นตู้คอนเทนเนอร์  ก่อนจะเสร็จสมบูรณ์ ยางทุกก้อนจะต้องผ่านขั้นตอนการ เทสโลหะ นี่คือขั้นตอนสุดท้ายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแพ็กกิ้ง เพราะโรงงานของลูกค้าปลายทางมีเครื่องจักรขนาดใหญ่และมีลูกรีดที่มีมูลค่าแพง จึงต้องมั่นใจว่าไม่มีโลหะปนเปื้อนในยาง ยางที่ผ่านกระบวนการเหล่านี้จะถูกเรียกว่า STR เบอร์ 20 ซึ่งเป็นมาตรฐานของประเทศไทยและได้รับการยอมรับทั่วโลก

การพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจากยางพารา โรงงานบางแห่งเริ่มทำผลิตภัณฑ์ปลายน้ำมาประมาณ 2 ปี โดยเน้นที่การสร้าง นวัตกรรมใหม่ และได้รับรองจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)  ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำเริ่มต้นจากการเก็บสารเคมีที่ปลอดภัย (ซึ่งต้องแยกเก็บเพื่อความปลอดภัย) แล้วนำสารเคมีมาผสมตามสูตรที่กำหนดด้วยระบบชั่งน้ำหนักอัตโนมัติในคอมพิวเตอร์ จากนั้นจึงนำมาผสมกับยางพาราธรรมชาติ กระบวนการผสมนี้ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงต่อแบบ โดยใช้ความร้อนเพื่อให้ทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจะเป็นแผ่นที่ต้องนำไปบ่มอีกครั้งก่อนจะอัดแท่นและตัดแต่งขอบเพื่อออกจำหน่าย ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่น่าสนใจคือ แผ่นยางสำหรับปูคอกลูกหมู หรือวัวนม แผ่นยางเหล่านี้ช่วยดูดซับความร้อน ทำให้สัตว์อยู่สบายขึ้น อบอุ่นขึ้น สะอาดขึ้น และประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสินค้าที่ใช้กับมนุษย์ เช่น แผ่นรองสำหรับผู้สูงอายุเพื่อลดอันตรายจากการล้ม

การจัดการพลังงานและน้ำเสีย: มุ่งสู่ Zero Waste

โรงงานยางพาราต้องใช้ทรัพยากรทั้งน้ำและพลังงานมหาศาล โรงงานบางแห่งใช้ระบบบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับน้ำได้ถึง 12,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน  แต่ในขั้นตอนการผลิตยางพาราใช้น้ำจริงประมาณ 6,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน  น้ำทั้งหมดจะถูกบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยมีน้ำสูญเสีย (Loss) ออกจากระบบไม่ถึง 5%  น้ำเสียทั้งหมดจะถูกนำไปบำบัดโดยการทำเป็น ไบโอแก๊ส ซึ่งไบโอแก๊สส่วนหนึ่งมาจากน้ำเสีย อีกส่วนหนึ่งมาจากหญ้าเนเปียและมูลสัตว์ในท้องถิ่น แก๊สที่ได้จะถูกนำไปปั่นไฟฟ้า  อุ่นบ่อไบโอแก๊ส และการนำความร้อนไป อบยาง แทนการใช้ก๊าซ LPG หรือ LNG ซึ่งถือเป็นการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างครบถ้วนและไม่มีของเสียออกนอกระบบ

Industrial Key Success

ยางพารา ในฐานะที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity product) อุตสาหกรรมยางต้องเผชิญกับความท้าทายในการทำธุรกิจและการตลาด ผู้ประกอบการบางรายเคยเกือบต้องปิดโรงงานเนื่องจากวิกฤตจากการ เก็งกำไร เมื่อราคาตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถหาซื้อสินค้าในราคาที่ต่ำมาส่งมอบตามออเดอร์ล่วงหน้าที่ขายไว้ได้  อย่างไรก็ตาม บทเรียนที่สำคัญที่เป็นข้อเสนอแนะ คือ อุตสาหกรรมยางพารา ควรเลือกที่จะแสดงความซื่อสัตย์และความจริงใจต่อลูกค้า เมื่อเกิดวิกฤต แจ้งลูกค้าตรง ๆ ว่าไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ และยินดีจะผ่อนชำระส่วนต่างราคาที่ลูกค้าต้องไปซื้อจากรายใหม่ การตัดสินใจที่กล้าหาญนี้จะสร้างความประทับใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างมาก ทำให้ธุรกิจสามารถยืนหยัดอยู่ได้ นี่จึงเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า แม้ในอุตสาหกรรมสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการแข่งขันสูง ความซื่อสัตย์และวิสัยทัศน์ก็ยังคงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและความยั่งยืน


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Teera Kittiteerapornchai
Data is head. Content is heart. My mission is to create the 'Intelligent Industrial Media Platform' which is powered by Data x Contents. Teera Kittiteerapornchai Contents Director & CEO of GREENWORLD