รายงาน The Next Great Divergence ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ชี้ว่า การขยายตัวอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์กำลังเร่งช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศรายได้สูงและรายได้น้อยอย่างชัดเจน โดยประชาชนในประเทศรายได้สูงราวสองในสามเริ่มใช้งาน AI แล้ว ขณะที่ประเทศรายได้น้อยมีผู้เข้าถึงและใช้งาน AI ได้เพียงประมาณ 5% สะท้อนช่องว่างทางเทคโนโลยีที่อาจบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศกำลังพัฒนาในระยะยาว
สำหรับประเทศไทย แม้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลจะพัฒนาไปมาก แต่ความพร้อมของประชาชนยังไม่เท่ากัน ดัชนีความพร้อมด้าน AI ของไทยอยู่ในอันดับ 52 จาก 170 ประเทศ ขณะที่ดัชนีการพัฒนามนุษย์ซึ่งวัดด้านการศึกษา สุขภาพ และรายได้ ไทยอยู่อันดับ 76 จาก 193 ประเทศ ภาพรวมสะท้อนว่าการพัฒนาทักษะกำลังคนยังเดินไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
UNDP ประเมินว่า หากขาดการเตรียมความพร้อมอย่างเป็นระบบ แรงงานบางกลุ่มจะได้รับผลกระทบสูง โดยเฉพาะเยาวชนอายุ 22-25 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงที่ตำแหน่งงานจะถูก AI เข้ามาทดแทน ขณะที่งานที่ผู้หญิงทำเป็นสัดส่วนใหญ่มีโอกาสถูกแทนที่มากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า นอกจากนี้ หนึ่งในสี่ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะสูญเสียตำแหน่งงานจากการนำ AI มาใช้ และความเสี่ยงด้านข้อมูลรั่วไหลทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ภายในปี 2570 หากการใช้งาน AI ขาดกรอบกำกับดูแลที่เหมาะสม
รายงานระบุว่า ทางออกของปัญหาไม่ใช่การชะลอเทคโนโลยี แต่คือการเร่งพัฒนาทักษะมนุษย์ควบคู่กับการลงทุนดิจิทัลและกฎระเบียบที่ครอบคลุม ตั้งแต่การขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีพื้นฐาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูล ไปจนถึงการปรับปรุงกฎหมายและงบประมาณระยะยาว เพื่อให้ AI กลายเป็นเครื่องมือยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทุกกลุ่ม ไม่ใช่ตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม
ที่มาข่าว : ฐานเศรษฐกิจ










