หุ่นยนต์อุตสาหกรรมและ AI มักถูกมองว่าเป็นผู้ทำลายงาน ฆ่าอาชีพ แต่ความเป็นจริงกลับแสดงให้เห็นภาพที่แตกต่างออกไป โดยบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ Digitalization และระบบอัตโนมัติไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมอีกด้วย ดังนั้นใครก็ตามที่ปรับปรุงการใช้งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ทันสมัยจะสร้างพื้นที่สำหรับแนวคิดและรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ได้ ทั้งยังทำให้เกิดความมั่นคงในสายงานและอาชีพอีกด้วย
ระบบเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโรงงานผลิตของเยอรมนีมากขึ้นเรื่อย ๆ การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์และตลาดหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เทคโนโลยีรุ่นใหม่พร้อมปรับเข้ากับกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงานที่หุ่นยนต์ไม่ได้ถูกแยกออกมาทำงานแบบเดี่ยว เพราะหุ่นยนต์ต้องเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่มีความซับซ้อน ภายใต้สภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรมสมัยใหม่ หุ่นยนต์มักจะทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม IoT, การควบคุมที่มีพื้นฐานมาจาก Cloud, ระบบที่ซับซ้อน และแรงงานที่เป็นมนุษย์
ความกลัวที่เห็นได้ชัดของแรงงาน คือ การที่หุ่นยนต์อุตสาหกรรมและ AI ประสิทธิภาพสูงจะค่อย ๆ ลดงานของพวกเขาลง อย่างไรก็ตาม HTEC ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ IT ระดับนานาชาติ มองเห็นเทรนด์ที่แตกต่างออกไป ด้วยการมาถึงของเทคโนโลยีใหม่ ๆ และระบบอัตโนมัติของกระบวนการต่าง ๆ, งานกำลังเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน แต่งานเหล่านี้ไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อหุ่นยนต์รับงานที่ซ้ำซากจำเจ งานที่ต้องเกิดภาระทางกายภาพสูง หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดง่าย ก็จะมีการสร้างพื้นที่สำหรับโงานที่จะเกิดขึ้นใหม่ งานเหล่านี้จะเน้นที่การแก้ปัญหา การทำความเข้าใจในระบบ และการคิดเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่เพียงแต่สร้างประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเปิดมุมมองใหม่สำหรับนวัตกรรมที่สำคัญและโลกแห่งการทำงานในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้บทบาทของมนุษย์ในโรงงานเปลี่ยนไป แทนที่จะต้องเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์แต่ละตัวหรือควบคุมระบบด้วยตนเอง แรงงานจะมีหน้าที่ดูแลระบบการผลิตทั้งหมด วิเคราะห์กระแสข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ และทำให้เกิดการพัฒนา HMI อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นความต้องการด้านความสามารถจึงเพิ่มขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้สร้างขึ้นจากความรู้ที่มีอยู่และต่อยออดได้ด้วยทักษะทางดิจิทัล
แม้จะมีจุดเด่นที่เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทั้งในโรงงานผลิตและในตลาดแรงงาน ในขณะเดียวกันงานบางอย่างก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้เงินทุนสูง AI จะทำงานที่มีความเรียบง่าย และทำให้เกิดพื้นที่สำหรับแรงงานที่มุ่งเน้นการทำงานไปที่กระบวนการที่มีความาสร้างสรรรค์และเป็นนวัตกรรมแทน
ความเป็นจริงของการทำงานใหม่ในการผลิต
การเปลี่ยนมุมมองเป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจการพัฒนาที่กำลังเกิดขึ้น ระบบอัตโนมัติไม่ได้หมายถึงการทำให้มนุษย์ไม่จำเป็น แต่เป็นการกำหนดบทบาทตำแหน่งของใหม่ ตัวอย่างเช่น ผู้ควบคุมเครื่องจักรแบบเดิมสามารถกลายเป็น SI ได้ หรืออดีตคนงานสายการผลิตสามารถรับหน้าที่งานด้านการประกันคุณภาพด้วยความช่วยเหลือของการวิเคราะห์ที่สนับสนุนโดย AI
ในขณะเดียวกัน, โปรไฟล์งานใหม่ทั้งหมดก็กำลังเกิดขึ้น, ตัวอย่างเช่น งานที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาหุ่นยนต์ที่รับหน้าที่งานที่ซ้ำซากจำเจเกินไป, อันตรายเกินไป หรือเหนื่อยเกินไปสำหรับมนุษย์ – ตัวอย่างเช่น ในงานบรรจุภัณฑ์, การประกอบ หรือโลจิสติกส์ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยแบ่งเบาภาระทางกายภาพของพนักงานเท่านั้น, แต่ยังปูทางสำหรับการทำงานที่สร้างสรรค์และเพิ่มมูลค่าซึ่งอิงกับความเข้าใจในกระบวนการและการคิดเชิงผู้ประกอบการมากขึ้น
อย่างไรก็ตามการบูรณาการเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง การวางเทคโนโลยีที่เป็นเป้าหมายและการเปลี่ยนแปลของวัฒนธรรมเป็นสิ่งจำเป็น และด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการลงทุนในการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) และการส่งเสริมคุณสมบัติของแต่ละบุคคล จะเห็นว่าใครก็ตามที่ลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานของตนในวันนี้กำลังวางรากฐานสำหรับการแข่งขันและนวัตกรรมในระยะยาว
ความต้องการสำหรับคนงานในอนาคตไม่ได้เป็นเพียงด้านเทคนิคเท่านั้น แต่เป็นแบบสหสาขาวิชาชีพ พวกเขาผสมผสานความเข้าใจด้าน IT เข้ากับความรู้ด้านการปฏิบัติงาน ทักษะการสื่อสารเข้ากับการตัดสินใจ บริษัทที่กำหนดรูปแบบการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างกระตือรือร้นไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเองมีความสามารถในการแข่งขันทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นนายจ้างที่น่าดึงดูดซึ่งไม่แทนที่พนักงานด้วยเครื่องจักร
ความย้อนแย้งของระบบอัตโนมัติ (The Paradox of Automation)
‘ความย้อนแย้งของระบบอัตโนมัติ’ ที่บัญญัติโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแสดงให้เห็นว่าการใช้หุ่นยนต์มากขึ้นในโรงงานของสหรัฐอเมริกาในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 นำไปสู่การมีงานเพิ่มขึ้นโดยรวมมากกว่าที่จะลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นทำให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการ หรือแม้แต่พัฒนาผลิตภัณฑ์/กระบวนการใหม่ทั้งหมด ข้อค้นพบเหล่านี้ไม่สามารถถ่ายโอนไปยังวิวัฒนาการของหุ่นยนต์และ AI ในการผลิตได้อย่างสมบูรณ์ แต่พวกมันแสดงให้เห็นถึงวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ (silver bullet) ที่รวมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกับแรงงานมนุษย์
เพื่อที่จะดำเนินการตามนี้, อนาคตของอุตสาหกรรมจะต้องเป็นแบบผสมผสาน (hybrid) ในขณะที่หุ่นยนต์มอบความแม่นยำ, ความเร็ว และความอดทน, มนุษย์ก็มีส่วนร่วมด้วยความเข้าใจตามบริบท, ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการตัดสินใจ การทำงานร่วมกันนี้เปิดช่องทางใหม่สำหรับนวัตกรรม, ผลผลิต และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทต่าง ๆ จะออกแบบสิ่งเหล่านี้อย่างเหมาะสม บทบาทของผู้ให้บริการมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ, โดยให้ข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์, ทั้งในด้านเทคโนโลยีและในแง่ของการบริหารการเปลี่ยนแปลง, กลยุทธ์ และกระบวนการที่เกี่ยวข้อง










