*ข้อมูลภายใน Infographic เป็นของวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
มาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ในปี 2025 กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เขย่าการค้าโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเอเชียที่เป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักไปยังตลาดสหรัฐฯ ซึ่งแต่ละประเทศได้รับผลกระทบแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ไทย ถูกเก็บภาษีสูงสุด 36% เนื่องจากเป็นฐานการผลิตใหญ่ใกล้สหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้ายานยนต์ ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ ขณะที่ จีน แม้เคยถูกเก็บภาษีสูงถึง 145% แต่หลังการเจรจาใหม่ลดเหลือ 30% ยังถือว่าแข่งขันได้ในระดับหนึ่ง ส่วน เวียดนาม ถูกเก็บ 46% ลดเหลือ 20% หลังการเจรจา ทำให้ยังรักษาความได้เปรียบด้านแรงงานราคาถูก
อินเดีย และ ญี่ปุ่น อยู่ในระดับกลาง (26% และ 25% ตามลำดับ) โดยอินเดียได้เปรียบด้านฐานการผลิตโทรคมนาคม ส่วนญี่ปุ่นแม้เสียเปรียบด้านต้นทุน แต่ยังคงแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและคุณภาพสินค้า เช่นเดียวกับ เกาหลีใต้ ที่ยังรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้ในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ขณะเดียวกัน ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย เผชิญแรงกดดันสูง (32%) โดยเฉพาะสินค้าวัตถุดิบสำคัญและอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ส่วน มาเลเซีย และ บังกลาเทศ อยู่ที่ 25% และ 35% ตามลำดับ มีโอกาสทั้งในแง่การลงทุนใหม่และการทดแทนซัพพลายเชนจากประเทศที่ถูกภาษีสูงกว่า
บทสรุปคือ มาตรการภาษีสหรัฐฯ ครั้งนี้กำลังเขียน “แผนที่การค้าใหม่ของเอเชีย” โดยไทยยังมีเวลาเร่งปรับตัวก่อนมาตรการมีผลเต็มรูปแบบ 1 สิงหาคมนี้
คุณอยากให้ผมทำ ตารางเปรียบเทียบ (ประเทศ | อัตราภาษี | ผลกระทบ | โอกาส) เพิ่มเติมไหมครับ จะได้เอาไปใช้ในรายงานหรือโพสต์ออนไลน์ได้ง่ายขึ้น?










