Asynchronous คืออะไร ในมุมมองการเขียนโปรแกรม
คำว่า Asynchronous (อะซิงโครนัส) มักถูกพูดถึงบ่อยในสายการพัฒนาโปรแกรมและระบบคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ Synchronous (ซิงโครนัส) คำถามหลักที่ผู้เริ่มต้นสงสัยคือ asynchronous คืออะไร และทำไมต้องนำมาใช้ ในความหมายพื้นฐาน Asynchronous คือรูปแบบการทำงานที่ไม่ต้องรอให้กระบวนการหนึ่งเสร็จสิ้นก่อน จึงจะเริ่มกระบวนการถัดไป กล่าวคือ “สามารถทำงานหลายสิ่งพร้อมกันได้โดยไม่ต้องติดค้างอยู่ที่งานใดงานหนึ่ง”
ตัวอย่างที่เห็นภาพง่าย หากเราสั่งคอมพิวเตอร์ให้ดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์หนึ่งด้วยวิธี synchronous ระบบจะรอให้การดึงข้อมูลเสร็จจึงไปทำงานต่อ แต่หากเป็น asynchronous ระบบสามารถส่งคำสั่งไป และในระหว่างรอข้อมูลก็ไปทำงานอื่นต่อได้ รอจนเมื่อข้อมูลถูกส่งกลับมาจึงค่อยนำมาใช้งาน วิธีนี้ช่วยให้ระบบไม่หยุดนิ่ง และรองรับงานขนานจำนวนมากได้มีประสิทธิภาพ
ความหมายและนิยามของ Asynchronous
ในเชิงนิยาม Asynchronous Programming คือแนวทางการเขียนโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อไม่ให้การทำงานแต่ละขั้นตอนบล็อกหรือกีดขวางงานอื่นๆ การดำเนินการหนึ่งสามารถทำต่อเนื่อง ในขณะที่อีกการดำเนินการยังคงอยู่ในกระบวนการจัดการโดยระบบ ตัวโมเดลนี้มักเกี่ยวพันกับการจัดการ callback, promise หรือ async/await ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำให้นักพัฒนาควบคุมการทำงานที่ใช้เวลานาน เช่น การเชื่อมต่อ API หรือการอ่านไฟล์ขนาดใหญ่ ได้อย่างลื่นไหลโดยไม่ทำให้แอปพลิเคชันค้าง
ความแตกต่างระหว่าง Synchronous และ Asynchronous
เพื่อให้เข้าใจชัด จำเป็นต้องเปรียบเทียบ synchronous vs asynchronous ลักษณะของ Synchronous คือทำงานแบบเรียงลำดับ ต้องรอให้สิ่งหนึ่งเสร็จก่อนจึงไปขั้นถัดไป เช่น การเข้าคิวซื้อกาแฟที่ต้องรอคนแรกสั่งเสร็จ ทั้งร้านจึงจะบริการคนถัดไป ในขณะที่ Asynchronous เปรียบได้กับการสั่งผ่านแอปพลิเคชัน เราส่งออเดอร์แล้วสามารถทำอย่างอื่นต่อไปได้ เมื่อถึงเวลาเราก็ได้รับกาแฟทันทีโดยไม่ต้องยืนรอ วิธี asynchronous ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเวลาและทรัพยากร โดยเฉพาะในระบบที่ต้องรองรับผู้ใช้จำนวนมาก
Async/Await คืออะไรในภาษาการเขียนโปรแกรม
หนึ่งในคำที่มักพบคู่กับ asynchronous คือ async/await ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นไวยากรณ์ที่หลายภาษา เช่น JavaScript, Python, C# ได้พัฒนาเพื่อให้การจัดการ asynchronous ดูง่ายและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น แทนที่จะเขียนโค้ดซ้อนกันหลายชั้นผ่าน callback นักพัฒนาสามารถใช้ await เพื่อบอกให้ระบบ “รอ” ค่าจากคำสั่งนั้นโดยไม่ทำให้ทั้งโปรแกรมหยุดชะงัก วิธีนี้ทำให้โค้ดที่เป็น asynchronous อ่านง่ายเหมือนโค้ด synchronous แต่ยังคงประสิทธิภาพเดิม
ทำไม Asynchronous Programming ถึงสำคัญ
ความสำคัญของ asynchronous programming ปรากฏชัดเจนในยุคที่แอปพลิเคชันต้องทำงานกับระบบเครือข่าย การโหลดไฟล์ การสตรีมวิดีโอ หรือการเชื่อมต่อฐานข้อมูลจำนวนมหาศาล หากทุกอย่างทำงานแบบ synchronous แอปพลิเคชันอาจค้างหรือตอบสนองล่าช้า แต่ด้วย asynchronous ในบริบทของ Web server ระบบสามารถทำงานหลายคำสั่งพร้อมกัน จัดการกับการร้องขอข้อมูลหลายพันครั้งโดยไม่ลดประสิทธิภาพ ที่สำคัญ มันยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลต่อผู้ใช้
ตัวอย่างการใช้งาน Asynchronous ในชีวิตจริง
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองมองภาพการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ เมื่อเราคลิกลิงก์เพื่อโหลดหน้าใหม่ หากเบราว์เซอร์ทำงานแบบ synchronous หน้าเว็บจะค้างทันทีจนกว่าจะโหลดทรัพยากรทุกไฟล์เสร็จ แต่ในความเป็นจริง เบราว์เซอร์ใช้ asynchronous จึงเริ่มแสดงผลทีละส่วน ขณะที่บางไฟล์ยังโหลดอยู่ ฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่าต้องรอนาน อีกกรณีคือแอปแชทที่สามารถส่งข้อความหลายข้อความพร้อมกัน และยังโหลดประวัติการสนทนาด้วย เวลาใช้งานจึงไม่มีความรู้สึกหน่วง
หากสรุปให้กระชับ Asynchronous คือแนวทางการทำงานหรือการเขียนโปรแกรมที่ไม่ต้องรอให้กระบวนการใดเสร็จสิ้นก่อนจึงไปต่อ แต่สามารถสั่งงานหลายอย่างคู่ขนาน ทำให้ระบบทำงานได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเหมาะกับแอปพลิเคชันที่ต้องทำงานกับข้อมูลปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง นี่เองคือเหตุผลที่ asynchronous programming กลายเป็นหัวใจสำคัญของซอฟต์แวร์ในยุคดิจิทัล ตั้งแต่เว็บเบราว์เซอร์ แอปพลิเคชันมือถือ ไปจนถึงบริการคลาวด์ขนาดใหญ่
Source : getcodecamp , expert-programming-tutor










