ทำไมโรงงานส่งออกต้องรีบวัดคาร์บอนตั้งแต่วันนี้!!
การส่งออกสินค้าไปยุโรปกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของคุณภาพสินค้าอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดกระบวนการผลิต เมื่อสหภาพยุโรปประกาศใช้ Carbon Border Adjustment Mechanism หรือ CBAM ที่เรียกกันว่า ‘EU Carbon Tax’ ซึ่งจะเริ่มเก็บภาษีคาร์บอนเต็มรูปแบบในปี 2026 โรงงานไทยที่ไม่มีระบบวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่แม่นยำอาจเสียเปรียบทางการค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นับจากนี้ไป การคำนวณการปล่อยคาร์บอนไม่ใช่แค่การทำ ‘ESG Reporting’ เพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กร แต่กลายเป็นความจำเป็นทางธุรกิจที่ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนและความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
Carbon Footprint คืออะไร และวัดอย่างไร
Carbon Footprint คือปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ของธุรกิจ วัดเป็นหน่วยตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือ tCO2e การวัดนี้ครอบคลุมทั้งการปล่อยคาร์บอนทางตรงจากโรงงาน การใช้ไฟฟ้า และแม้กระทั่งคาร์บอนที่ซ่อนอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของวัตถุดิบที่นำเข้ามา
องค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ ISO ได้กำหนดมาตรฐาน ISO 14064 และ ISO 14067 สำหรับการวัดและรายงานก๊าซเรือนกระจก โดยแบ่งการปล่อยคาร์บอนออกเป็น 3 ขอบเขต Scope 1 คือการปล่อยทางตรงจากโรงงาน Scope 2 คือการปล่อยทางอ้อมจากการใช้พลังงานที่ซื้อมา และ Scope 3 คือการปล่อยจากห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด
สำหรับโรงงานส่งออกไปยุโรป การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต้องครอบคลุมทั้ง 3 ขอบเขตนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ CBAM ซึ่งต้องการความโปร่งใสในทุกขั้นตอนการผลิต
EU Carbon Tax กระทบโรงงานไทยอย่างไร
CBAM จะเริ่มเก็บภาษีเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2026 โดยเริ่มจากสินค้ากลุ่มที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง เช่น เหล็ก อลูมิเนียม ปูนซีเมนต์ ปุ๋ย และไฟฟ้า ต่อมาจะขยายไปยังสินค้ากลุ่มอื่นๆ รวมถึงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบเหล่านี้
โรงงานที่ส่งออกสินค้าไปยุโรปจะต้องรายงานปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาตลอดกระบวนการผลิต หากไม่สามารถระบุปริมาณที่แม่นยำได้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นที่สูงกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้ต้องเสียภาษีมากขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีการส่งออกไปยุโรปมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี การไม่มีระบบวัดคาร์บอนที่เชื่อถือได้อาจทำให้เสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่เตรียมพร้อมแล้ว
Carbon Accounting Software ทำงานอย่างไร
Carbon Accounting Software คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อติดตามและคำนวณการปล่อยคาร์บอนจากทุกกิจกรรมในองค์กร ซอฟต์แวร์เหล่านี้ทำงานโดยรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า การเผาไหม้เชื้อเพลิง การขนส่ง และการใช้วัตถุดิบ จากนั้นแปลงข้อมูลเหล่านี้เป็นปริมาณคาร์บอนตามมาตรฐานสากล
ระบบที่ดีจะสามารถเชื่อมต่อกับระบบ ERP หรือระบบจัดการข้อมูลที่มีอยู่เดิมของโรงงาน ทำให้สามารถดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้โดยอัตโนมัติ ลดความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลด้วยมือ และช่วยให้ติดตามการปล่อยคาร์บอนได้อย่างต่อเนื่อง
ความสามารถหลักของ Carbon Accounting Software ที่ดีควรมีการคำนวณตามมาตรฐาน GHG Protocol ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก มีฐานข้อมูล Emission Factor ที่ครอบคลุมและอัปเดตเป็นประจำ สามารถสร้างรายงานตามมาตรฐาน ISO 14064 และ CBAM และมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ หรือ Audit Trail ที่ชัดเจนเพื่อการรับรองจากบุคคลที่สาม
เครื่องมือวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่โรงงานควรพิจารณา
ตลาดซอฟต์แวร์วัดคาร์บอนมีทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง IBM Environmental Intelligence Suite และ Microsoft Sustainability Manager เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินงานข้ามประเทศ โดยมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และใช้ AI ช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มการปล่อยคาร์บอน
สำหรับโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็ก มีทางเลือกที่เหมาะสมกว่าเช่น Watershed ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและมีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้มากกว่า หรือ Plan A ที่เน้นการช่วยเหลือธุรกิจในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero
ในภูมิภาคเอเชีย มีแพลตฟอร์มท้องถิ่นอย่าง Persefoni ที่เข้าใจบริบทการดำเนินธุรกิจในเอเชียและมีฐานข้อมูล Emission Factor ที่เฉพาะเจาะจงกับภูมิภาค การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจ งบประมาณ และความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน
ESG Reporting Thailand และความพร้อมของตลาดทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนรายงานข้อมูล ESG ตั้งแต่ปี 2023 โดยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมรวมถึงการวัดและเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นส่วนสำคัญ การมี Carbon Accounting Software ที่มีประสิทธิภาพจึงไม่เพียงช่วยรองรับ EU Carbon Tax เท่านั้น แต่ยังช่วยในการทำ ESG Reporting ที่น่าเชื่อถือต่อนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียอีกด้วย
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ อบก. ของไทยได้พัฒนาระบบ Thailand Voluntary Emission Reduction Program หรือ T-VER เพื่อสนับสนุนองค์กรไทยในการลดและซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเชื่อมโยงกับความต้องการในการวัดคาร์บอนที่แม่นยำเช่นกัน
เริ่มต้นอย่างไรดี
โรงงานไทยที่ต้องการเตรียมพร้อมควรเริ่มจากการทำ Carbon Footprint Assessment เบื้องต้นเพื่อทำความเข้าใจว่าการปล่อยคาร์บอนหลักมาจากไหน จากนั้นเลือกใช้ Carbon Accounting Software ที่เหมาะสมกับขนาดและความซับซ้อนของธุรกิจ
การลงทุนในระบบวัดคาร์บอนในวันนี้ไม่ใช่แค่การเตรียมพร้อมสำหรับกฎระเบียบในอนาคต แต่เป็นการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดโลกที่คำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้นทุกวัน โรงงานที่สามารถพิสูจน์ว่าผลิตสินค้าด้วยคาร์บอนต่ำจะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและคู่ค้าในตลาดสากล และอาจได้รับข้อได้เปรียบด้านราคาจากการเสียภาษีคาร์บอนที่ต่ำกว่าคู่แข่ง
ปี 2026 ไม่ไกลเกินกว่าที่จะเตรียมพร้อม การเริ่มต้นวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้มีเวลาเพียงพอในการปรับปรุงกระบวนการผลิต ลดการปล่อยคาร์บอน และสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนในตลาดส่งออกระหว่างประเทศ










