ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและผู้บริโภคมีความคาดหวังในการรับสินค้าที่รวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น การส่งของแบบเดิม ๆ ที่ใช้รถขนส่งหรือพนักงานจัดส่งเริ่มมีข้อจำกัดด้านความเร็วและต้นทุนสูง นวัตกรรมอย่างโดรนส่งของ หรือ Delivery Drone จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว โดรนส่งของสามารถบินไปส่งสินค้าถึงปลายทางได้รวดเร็ว ลดข้อจำกัดของการจราจรและพื้นที่เข้าถึงยาก นับเป็นเทคโนโลยีที่เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และขยายขอบเขตการบริการในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดรนส่งของหรือ Delivery Drone คืออะไร
โดรนส่งของ คืออากาศยานไร้คนขับที่ถูกออกแบบมาเพื่อขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ สามารถบินผ่านเส้นทางตรงไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมด้วยมนุษย์ตลอดเวลา โดรนเหล่านี้มักใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้า ทำให้มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าวิธีการขนส่งแบบเดิม ในวงการโลจิสติกส์และการจัดส่งสินค้า โดรนขนส่งถือเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานอย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่ของความรวดเร็ว การลดต้นทุน และการขยายพื้นที่การให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือมีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ นอกจากนี้ โดรนส่งของยังสามารถนำไปใช้ในงานส่งสินค้าประเภทพิเศษ เช่น ยาเวชภัณฑ์ หรือสิ่งของด่วนที่ต้องการความปลอดภัยและแม่นยำสูง
บทบาทและข้อดีของการใช้โดรนขนส่งสินค้า
การนำโดรนส่งของมาใช้ในภาคธุรกิจและโลจิสติกส์ มีบทบาทสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและขยายโอกาสทางธุรกิจ ดังนี้
- ความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า – โดรนขนส่งสามารถบินผ่านเส้นทางโดยตรง ลดเวลาในการเดินทางเมื่อเทียบกับการจราจรของรถยนต์ที่อาจติดขัดบนถนน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่หรือพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงยาก การส่งของด้วยโดรนช่วยให้การจัดส่งสินค้ารวดเร็วขึ้นมาก
- ลดต้นทุนการขนส่ง – การใช้โดรนส่งของช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องแรงงาน เชื้อเพลิง และการดูแลรักษายานพาหนะ รวมถึงยังช่วยลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล
- เข้าถึงพื้นที่พิเศษและอันตราย – โดรนสามารถส่งของไปยังพื้นที่ที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้ เช่น ภูเขาสูง หมู่เกาะ หรือพื้นที่ภัยพิบัติ รวมถึงพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย เช่น เขตสงคราม หรือพื้นที่อันตราย
- ความปลอดภัยและความแม่นยำ – โดรนขนส่งสินค้าใช้ระบบนำทางด้วย GPS และเซ็นเซอร์ที่ช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ทำให้การจัดส่งมีความแม่นยำสูง ลดความเสียหายของสินค้า และเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่ง
- โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ – การใช้โดรนส่งของช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายบริการไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือผู้ที่ต้องการบริการจัดส่งด่วน สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มรายได้
ใบอนุญาตและเงื่อนไขการใช้โดรนขนส่งในแต่ละประเทศ
แม้ว่าเทคโนโลยีโดรนส่งของจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่การใช้งานในเชิงพาณิชย์ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้านกฎหมายและความปลอดภัยที่เข้มงวดในแต่ละประเทศ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและผลกระทบต่อสาธารณะ รวมถึงการรักษาความเป็นส่วนตัวของประชาชน
- สหรัฐอเมริกา – องค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ของสหรัฐฯ ได้ออกใบอนุญาตให้บริษัทต่าง ๆ ที่ผ่านเกณฑ์สามารถบินโดรนในระยะนอกสายตา (Beyond Visual Line of Sight: BVLOS) ในบางพื้นที่ได้ แม้จะยังมีข้อจำกัด แต่สหรัฐฯ เปิดโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ ทดลองใช้โดรนส่งของอย่างกว้างขวาง เช่น Walmart ที่ให้บริการส่งสินค้าด้วยโดรนถึง 36 สาขาใน 7 รัฐ และในปี 2565 ได้ส่งสินค้าสำเร็จไปกว่า 10,000 ครั้ง นอกจากนี้ Walmart ยังร่วมมือกับ Wing บริษัทโดรนของ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ขยายบริการในเมืองดัลลัส สามารถเข้าถึงครัวเรือนกว่า 60,000 หลังคาเรือน
- จีน – แพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และบริการจัดส่งอาหาร “เหม่ยถวน” ได้รับอนุมัติจากสำนักงานการบินพลเรือนจีนให้ทดสอบการส่งของด้วยโดรนที่เมืองเซินเจิ้น โดยใช้โดรนส่งของไปยังจุดรับสินค้ากลางที่มีตู้เก็บสินค้าแทนการส่งถึงหน้าบ้านผู้บริโภค เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ประชากรหนาแน่นและลดความเสี่ยง เหม่ยถวนสามารถส่งคำสั่งซื้อได้มากกว่า 100,000 รายการในปี 2565
- สหภาพยุโรป – คณะกรรมาธิการยุโรปได้วางแผนยุทธศาสตร์โดรน 2.0 (European Drone Strategy 2.0) เพื่อส่งเสริมการใช้โดรนอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ภายในปี 2030 คาดว่าโดรนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน มีการลงทุนกว่า 1.6 พันล้านยูโรเพื่อพัฒนา Digital European Sky ที่ช่วยให้โดรนรวมกับระบบจราจรทางอากาศอย่างปลอดภัย คาดการณ์ว่าตลาดโดรนขนส่งในยุโรปจะมีมูลค่าถึง 1.45 หมื่นล้านยูโร และสร้างงานกว่า 145,500 ตำแหน่ง
- ไทย – การใช้งานโดรนในไทยต้องขึ้นทะเบียนผู้ครอบครองและผู้บังคับโดรนกับ กสทช. และสำนักงานการบินพลเรือนฯ โดยมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ต้องบินในระยะสายตา ห้ามบินในเขตหวงห้ามหรือที่มีคนชุมนุม อย่างไรก็ดี ได้มีการทดลองใช้โดรนส่งของในภาคสนาม เช่น ไปรษณีย์ไทยทดลองส่งยาและเวชภัณฑ์ให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 และบริษัทเอกชนในภูเก็ตที่ทดสอบส่งของจากวิลล่า มาร์เก็ต ไปยังโครงการพักอาศัย แม้ยังมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย ผู้ให้บริการมักร่วมมือกับร้านค้าเป็นตัวกลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดส่ง
สรุปการใช้โดรนส่งของ
โดรนส่งของหรือ Delivery Drone เป็นนวัตกรรมสำคัญที่พลิกโฉมวงการขนส่งสินค้า ด้วยความสามารถในการจัดส่งที่รวดเร็ว แม่นยำ และสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงด้วยวิธีเดิม ๆ โดรนขนส่งจึงกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ อย่างไรก็ดี การใช้โดรนส่งของยังคงต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านกฎหมายและความปลอดภัยในหลายประเทศ ซึ่งต้องได้รับการอนุญาตและปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของสังคม แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องและแนวโน้มที่เปิดกว้างมากขึ้น เราอาจจะได้เห็นโดรนส่งของถูกนำมาใช้ในธุรกิจและชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต เช่น โดรนขนส่งอาหาร โดรนขนส่งพัสดุ โดรนขนส่งชิ้นส่วน และอีกมากมาย ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสและความได้เปรียบให้กับธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างน่าสนใจ