สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ยื่นเสียงเรียกร้องต่อรัฐบาลให้เดินหน้าปฏิรูประบบราชการอย่างจริงจัง โดยชี้ว่าขณะนี้ขั้นตอนต่าง ๆ ของระบบราชการและกฎหมายในประเทศไทยยังมีความซับซ้อนสูง เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและขัดขวางศักยภาพการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมยุคใหม่ของไทย.
ส.อ.ท. เน้นย้ำว่าข้อจำกัดด้านกฎระเบียบและกฎหมายที่ล้าหลัง ทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับต้นทุนสูง ความล่าช้า และขาดแรงจูงใจลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), อุตสาหกรรมชีวภาพ, เศรษฐกิจหมุนเวียน และเทคโนโลยีขับเคลื่อนดิจิทัล.
เพื่อดันไทยแข่งในเวทีโลก ส.อ.ท. เสนอให้รัฐบาลปรับปรุงบทกฎหมายแรงงาน ภาษี และใช้ระบบ One Stop Service ลดขั้นตอนอนุญาต รวมทั้งเสนอระบบ Single Window เพื่อบริหารจัดการข้อมูล ลดระยะเวลาการอนุมัติและส่งเสริมความโปร่งใส พร้อมยกมาตรการส่งเสริมและจูงใจการลงทุนให้อุตสาหกรรมใหม่เข้าถึงสิทธิประโยชน์อย่างทั่วถึง พร้อมสนับสนุนนวัตกรรมทุกด้าน.
แนวทางนี้ ส.อ.ท. เห็นว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพราะความล่าช้าของระบบราชการและความยุ่งยากด้านกฎหมายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ศักยภาพการลงทุนและขีดความสามารถของไทยลดลงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
✦ มุมมองในภาคอุตสาหกรรมของทาง MM Thailand
เสียงเรียกร้องจาก ส.อ.ท. ครั้งนี้สะท้อนจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่ภาคอุตสาหกรรมไทยเผชิญมานาน การปรับระบบราชการให้มีความคล่องตัวและโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่เรื่องของขั้นตอน แต่คือยุทธศาสตร์การแข่งขันที่จะกำหนดอนาคตเศรษฐกิจไทย
การปฏิรูประบบอนุญาต การปรับปรุงภาษี และการสร้างระบบดิจิทัลเชื่อมโยงข้อมูล (Single Window) จะเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า และดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งไทยกำลังแข่งขันโดยตรงกับประเทศเวียดนามและมาเลเซีย หากไม่เร่งปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม ไทยอาจถูกลดบทบาทจากศูนย์กลางการผลิตอาเซียนสู่เพียงผู้รับจ้างผลิตในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก
ที่มาข่าว : ประชาชาติธุรกิจ










