IDA Project
VEGA Instrument
หุ่นยนต์ Humanoid หลายตัวยืนเรียงกัน

อนาคตของหุ่นยนต์ Humanoid เมื่อเทคโนโลยีและความต้องการแรงงานมาบรรจบกัน

Date Post
24.06.2025
Post Views

เมื่อไม่นานมานี้ เราได้เห็นการปฏิวัติของเทคโนโลยี Humanoid ไม่ใช่เพียงแค่การโชว์ท่วงท่าอันประณีตหรือการเต้นรำบนเวทีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำไปใช้งานจริงที่ตอบโจทย์ปัญหาสำคัญของสังคม ตั้งแต่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานผู้ดูแลผู้สูงอายุ การบริหารจัดการในธุรกิจบริการ ไปจนถึงกระบวนการโลจิสติกส์และงานวิจัยเชิงพัฒนา บทความนี้จะพาไปรู้จักกับเหตุผลว่าทำไมใครๆ ถึงซื้อหุ่นยนต์ Humanoid มาใช้จริง วิเคราะห์กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะรีบนำไปก่อน และทำไมแนวโน้มนี้ถึงควรค่าแก่การจับตามอง

ทำไมใครๆ ถึงซื้อหุ่นยนต์ Humanoid มาใช้

ตอบโจทย์แรงงานขาดแคลน

ในหลายประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ปัญหาประชากรสูงวัยกลายเป็นภาระสำคัญของระบบสาธารณสุขและสวัสดิการ สถิติผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลใกล้ชิดเพิ่มขึ้นทุกปี ในขณะที่จำนวนเจ้าหน้าที่พยาบาลและผู้ดูแลกลับมีไม่เพียงพอ การนำหุ่นยนต์ Humanoid เช่น AIREC จากญี่ปุ่นมาช่วยจัดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลไม่เพียงแค่ลดภาระทางกายภาพให้กับเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการยกคนป่วยผิดวิธี ในอีกฝากหนึ่ง แม้กระทั่งที่ออสเตรเลีย ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็เริ่มทดสอบหุ่นยนต์ให้ช่วยส่งอาหาร ซักผ้า และดูแลความสะอาดภายในบ้านผู้สูงอายุมาตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ปัญหาแรงงานขาดแคลนในภาคสาธารณสุขคลี่คลายลงได้อย่างเห็นผล

งานบริการในโรงแรม สนามบิน และร้านอาหาร

บทบาทของหุ่นยนต์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงงานหนักเท่านั้น แต่ยังลามมาถึงการให้บริการที่ต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างใกล้ชิด หุ่น เช่น Pepper และ Mitra ถูกวางตัวเป็นเด็กต้อนรับหรือพนักงานประชาสัมพันธ์ในโรงแรมและสนามบิน พวกมันสามารถต้อนรับแขก ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แนะนำเส้นทาง และตอบคำถามเบื้องต้นได้อย่างเป็นมิตร ขณะเดียวกัน Henn-na Hotel ในญี่ปุ่นกลับกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของโลกด้วยการนำหุ่นยนต์ Humanoid มาทำหน้าที่เช็คอิน ให้คำแนะนำด้านสถานที่ท่องเที่ยว จนสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าและช่วยลดต้นทุนแรงงานคนเมื่อเจอสถานการณ์ท่องเที่ยวคึกคัก

โลจิสติกส์และอุตสาหกรรมเบา

ในโกดังจุสินค้าขนาดใหญ่ของ Amazon และ GXO เราเริ่มเห็นภาพของหุ่นยนต์ Humanoid อย่าง Digit จาก Agility Robotics เดินหยิบกล่องและแยกชิ้นส่วนตามจุดที่ระบบ SaaS สั่งการ หุ่นเหล่านี้พิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่สามารถใช้งานได้จริงในระบบการผลิตสมัยใหม่ และเมื่อบริษัทต่างๆ พร้อมจ่ายเงินจ้างหุ่น เช่นเดียวกับที่ BMW นำหุ่นของ Figure AI มาใช้ในสายการผลิตเพื่อคัดแยกชิ้นส่วนอย่างแม่นยำ ก็ยิ่งตอกย้ำว่าโลกของการผลิตกำลังก้าวสู่ยุคที่ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ก้าวเข้ามาเป็นพันธมิตรที่ขาดไม่ได้

โรงพยาบาล วัดไข้ และส่งยาในยุค COVID

เมื่อโควิด-19 ระบาด การลดการสัมผัสโดยตรงกลายเป็นมาตรการปลอดภัยสูงสุด หุ่นยนต์ Humanoid จึงถูกปรับจูนเพื่อใช้วัดอุณหภูมิผู้ป่วย ส่งอาหารและยาในหอผู้ป่วย ด้วยปลายแขนที่ถูกออกแบบให้เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน พวกมันช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างชัดเจน จนกลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่ช่วยให้ระบบสาธารณสุขเดินต่อไปได้ท่ามกลางวิกฤต

การวิจัย-พัฒนา (R&D)

แม้หุ่นยนต์ Humanoid ส่วนใหญ่ในตลาดจะยังอยู่ในสถานะต้นแบบหรือห้องทดลองกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นตรงจุดที่นักวิจัยและนักพัฒนาต้องการใช้ฝึกสอนระบบควบคุม ทดสอบการโต้ตอบกับมนุษย์ และพัฒนาความสามารถในการเคลื่อนไหวให้สมจริงที่สุด หุ่นในห้องวิจัยกลายเป็นสนามทดสอบชั้นยอดที่ช่วยให้นักวิจัยเข้าใจพฤติกรรมการเดิน การทรงตัว และการหยิบจับสิ่งของจริง ก่อนจะนำองค์ความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้

วิเคราะห์กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่ารับเอาหุ่น Humanoid นี้ก่อน

ผมมักมองว่าอุตสาหกรรมที่จะเป็นผู้ใช้งานหุ่นยนต์ Humanoid รายแรกคือกลุ่มที่มี pain point รุนแรงและพร้อมยอมลงทุนอย่าง

Care & Healthcare

งานยกคน เปลี่ยนผ้าอ้อม ส่งยา รวมถึงงานดูแลผู้สูงอายุที่ต้องอาศัยความอ่อนโยนและความปลอดภัยสูงสุด เป็นงานที่มนุษย์อาจเหนื่อยล้าหรือเกิดความเสี่ยงได้ง่าย ประกอบกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทำให้ภาค Care & Healthcare มีแนวโน้มรับหุ่น ไปทดแทนหรือช่วยเสริมให้ระบบสาธารณสุขมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น

Logistics & Light Manufacturing

องค์กรที่มีคลังสินค้าขนาดใหญ่และงานแพ็กกิ่งสินค้าน้ำหนักไม่มาก แต่มีความถี่ในการเคลื่อนย้ายสูง เหมาะเป็นพื้นที่สาธิตการใช้หุ่น Humanoid ในการเดินสินค้าจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง หรือการคัดแยกอะไหล่ การทดลองนำหุ่น Digit ของ Agility Robotics มาทดสอบในคลังของ Amazon GXO แสดงให้เห็นว่า ROI เริ่มเป็นรูปเป็นร่างภายใน 1–2 ปีแรก ทำให้โครงการสาธิตเปลี่ยนเป็นการใช้งานจริงได้รวดเร็ว

Hospitality & Retail

ในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้า หุ่น Humanoid แม้ยังต้องอาศัยมนุษย์ควบคุมหรือปรับแต่งประสบการณ์อยู่บ้าง แต่ก็สร้างความแปลกใหม่และเพิ่มความประทับใจให้ลูกค้าได้อย่างชัดเจน เจ้าของแบรนด์มักมองเห็นโอกาสในการใช้หุ่นเป็นเครื่องมือ PR ที่ตอกย้ำภาพลักษณ์แห่งอนาคต จึงพร้อมทุ่มทุนทดลองเทคโนโลยีนี้

R&D / การศึกษา

สถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยที่มองการณ์ไกล เห็นว่าเรื่องการทำงานร่วมกับ AI และ Cobots เป็นทักษะสำคัญในโลกยุคต่อไป การลงทุนในห้องทดลองที่มีหุ่น Humanoid ช่วยให้นิสิต นักศึกษามีโอกาสสัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ทดลองออกแบบอัลกอริธึม และเข้าใจระบบควบคุมแบบ Human-Machine Interaction ได้ลึกซึ้งก่อนใคร

ทำไมเราถึงควรจับตาหุ่น Humanoid ในวันนี้

แม้ปัจจุบันจะมีหุ่น Humanoid ที่ถูกใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรมไม่ถึงหนึ่งถึงสองเปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด แต่ตัวเลขเหล่านั้นกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยราวแปดเปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งแม้จะน้อยเมื่อเทียบกับหุ่นอุตสาหกรรมทั่วไปที่เติบโตราวสิบห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ความสามารถเฉพาะตัวของ Humanoid ในการเคลื่อนที่คล้ายมนุษย์และปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทำให้มันสามารถทำงานแทนแรงงานมนุษย์ในสถานการณ์ที่ต้องลดความเสี่ยง เช่น การส่งของภายในโรงงาน การเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้ป่วย หรือการวัดอุณหภูมิผู้คนในพื้นที่สาธารณะได้จริง

โดยสรุป องค์กรที่จะได้รับประโยชน์ชัดเจน ได้แก่ โรงพยาบาล ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจโลจิสติกส์ โรงแรมและสนามบิน รวมถึงหน่วยงานวิจัยต่างๆ ที่ต้องการนวัตกรรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ การลงทุนในหุ่น Humanoid ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระงานจริงและเก็บข้อมูลพฤติกรรมการทำงานของหุ่นเพื่อต่อยอดเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นองค์กรแห่งอนาคต แม้ในช่วงแรกอาจใช้สำหรับโครงการทดลอง (Pilot) ก่อน การประเมินผลตอบแทน (ROI) มักจะเริ่มมีความชัดเจนภายในหนึ่งถึงสามปีหลังการใช้งานจริง เหล่านี้คือสัญญาณว่า ถึงเวลาแล้วที่เราไม่ควรมองข้ามการมาของหุ่น Humanoid โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเป็นเบอร์หนึ่งในสนามแข่งขันของยุคดิจิทัลและอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง


Key
Takeaways
  • ตอบโจทย์ปัญหาแรงงานขาดแคลน โดยเฉพาะงานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย ช่วยลดภาระบุคลากรทางการแพทย์
  • ยกระดับงานบริการในโรงแรม สนามบิน และร้านอาหาร เพิ่มประสบการณ์ลูกค้าและลดต้นทุนแรงงาน
  • ปรับใช้ในโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมเบา เช่น หยิบ-แยกสินค้าในคลังจริง ได้ ROI ภายใน 1–2 ปี
  • ลดความเสี่ยงในยุค COVID ด้วยการวัดอุณหภูมิผู้ป่วย ส่งยา และทำงานซ้ำซ้อนแทนคน
  • เป็นแพลตฟอร์ม R&D ช่วยฝึกสอนระบบควบคุมและทดสอบ Human–Robot Interaction ก่อนนำไปใช้งานจริง
  • กลุ่มอุตสาหกรรมต้นรับหลัก: Care & Healthcare, Logistics & Light Manufacturing, Hospitality & Retail และ R&D/Education
  • ถึงใช้งานจริงยังน้อยกว่า 2% แต่ตลาดเติบโต ~8% ต่อปี สัญญาณชัดว่ากำลังเข้าสู่ยุคอัตโนมัติร่วมกับหุ่นยนต์
  • ROI จะเริ่มชัดเจนภายใน 1–3 ปีหลัง Pilot พร้อมสร้างภาพลักษณ์องค์กรแห่งอนาคต

บทความที่น่าสนใจ


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
Super Source-E-market place สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม