VEGA Instrument
SIEMENS WinCC
lerdsin medical 3d printing innovation center

โรงพยาบาลเลิดสิน เปิดศูนย์ 3D Printing การแพทย์ แห่งแรกของกรมการแพทย์

Date Post
05.11.2025
Post Views

โรงพยาบาลเลิดสิน เปิดตัว ‘ศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติทางการแพทย์ (Lerdsin Medical 3D Printing and Innovation Center)’ อย่างเป็นทางการ มุ่งยกระดับการแพทย์ไทยสู่ศูนย์กลางเทคโนโลยี 3 มิติทางการแพทย์แห่งแรกของกรมการแพทย์

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-40-1024x683.jpeg

พิธีเปิดจัดขึ้น ณ โรงพยาบาลเลิดสิน โดยมี นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ – อธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายแพทย์อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ – ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของศูนย์ฯ ที่มุ่งผลักดันเทคโนโลยี 3D Printing สู่การใช้งานจริงในทางคลินิก เพื่อช่วยให้แพทย์วางแผนผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย 

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว “เทคโนโลยี 3D Printing เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ป่วย โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ”

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-7-1024x683.jpg

นายแพทย์อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่คือการสร้างโอกาสให้แพทย์ได้คิด ได้ลอง และได้ฝึกจริง ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอัตลักษณ์เฉพาะของโรงพยาบาลเลิดสิน ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน”

ศูนย์ฯ แห่งนี้เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการนำเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติมาใช้ตั้งแต่ขั้นวางแผนผ่าตัดเฉพาะบุคคล ไปจนถึงการสร้างต้นแบบอุปกรณ์ทางการแพทย์และสนับสนุนงานวิจัย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ‘กรมการแพทย์กับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และบริษัท แอพพลิแคด จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านโซลูชัน 3D Printing และ Digital Manufacturing ของไทย’ ซึ่งได้สนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมให้แพทย์สามารถประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อการผ่าตัดได้อย่างเต็มศักยภาพ

‘เทคโนโลยีที่ดีจะทรงพลังที่สุดเมื่ออยู่ในมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ’ คือแนวคิดเบื้องหลังความร่วมมือนี้ ซึ่งเชื่อมโยงความเชี่ยวชาญระหว่างแพทย์และวิศวกรผ่าน Humanware ของแอพพลิแคด (AppliCAD) ตั้งแต่ขั้นออกแบบ จำลอง ไปจนถึงสร้างชิ้นงานทางการแพทย์จริง ช่วยให้การรักษามีความแม่นยำ รวดเร็ว และตรงจุดยิ่งขึ้น

3D Printing จะเปลี่ยนวิธีรักษาในวงการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปตลอดกาล

ภายในงานเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติทางการแพทย์ โรงพยาบาลเลิดสิน ได้จัดช่วงบรรยายพิเศษโดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์จริงในการนำเทคโนโลยี 3D Printing มาประยุกต์ใช้ในงานรักษาผู้ป่วย

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญ คือการบรรยายโดย นพ.นวพงศ์ อนันตวรสกุล หัวหน้าศูนย์ Lerdsin Medical 3D Printing and Innovation Center และแพทย์ประจำหน่วย Upper Extremity and Reconstructive Microsurgery สถาบันออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน ในหัวข้อ ‘Medical Application of 3D Printing’

นพ.นวพงศ์เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยี 3D Printing เข้ามาใช้ในโรงพยาบาล เกิดจากความต้องการที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดในการวางแผนการผ่าตัดที่แพทย์เผชิญมานาน เพราะแม้จะมีแผนการผ่าตัดที่ละเอียดในเชิงทฤษฎี ‘แต่ในทางปฏิบัติมักทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเนื่องจากข้อจำกัดของเครื่องมือและเทคโนโลยีเดิม’

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-37-1024x683.jpeg

“เมื่อมี 3D Printing เข้ามา มันช่วยให้เราสามารถจำลองและออกแบบขั้นตอนการผ่าตัดได้ใกล้เคียงของจริงมากขึ้น ทำให้ผลลัพธ์การผ่าตัดแม่นยำขึ้น และคนไข้ได้รับประโยชน์สูงสุด” — นพ.นวพงศ์ อนันตวรสกุล

เขาเสริมว่า ในหลายกรณีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีอยู่ในตลาดไม่สามารถตอบโจทย์เฉพาะทางได้ เทคโนโลยีนี้จึงเปิดโอกาสให้ทีมแพทย์สามารถออกแบบและผลิตเครื่องมือเฉพาะบุคคล (Patient-Specific Instruments) ได้รวดเร็ว ปลอดภัย และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

ในช่วงท้ายของการบรรยาย นพ.นวพงศ์ได้ฝากแรงบันดาลใจถึงบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับการรักษา

เขาทิ้งท้ายว่า ศูนย์ 3D Printing แห่งนี้จะเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์ไทย “จากห้องวิจัย สู่ห้องผ่าตัด และสู่ชีวิตผู้ป่วยจริง” เพื่อให้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยเข้าถึงได้ในทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ

รักษามะเร็งกระดูกด้วย 3D Printing

นพ.ปิยะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลเลิดสิน ได้แบ่งปันประสบการณ์ตรงในการนำเทคโนโลยี 3D Printing มาใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งกระดูกและมะเร็งเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยเริ่มประยุกต์ใช้อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งช่วยยกระดับความแม่นยำในการผ่าตัดและลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-39-1024x683.jpeg

นพ.ปิยะ เกียรติเสวี แพทย์ประจำหน่วย Orthopaedic Oncology, Institute of Orthopaedics, Lerdsin Hospital กล่าวว่า

“การใช้โมเดล 3D ทำให้เราเห็นโครงสร้างกายวิภาคของผู้ป่วยได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในเคสกระดูก เรามองเห็นจุดที่ต้องหลบหลีกได้อย่างละเอียด สามารถออกแบบ Cutting Guide เฉพาะเคสและพิมพ์มาทดลองก่อนการผ่าตัดจริง ทำให้การผ่าตัดแม่นยำ ปลอดภัย และสามารถเก็บรักษาเนื้อเยื่อส่วนดีไว้ได้มากที่สุด” 

สำหรับผู้ป่วยที่มีก้อนมะเร็งขนาดใหญ่หรืออยู่ในตำแหน่งซับซ้อน แพทย์จะใช้กระบวนการ segmentation เพื่อแยกส่วนโครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อที่ยังดี ก่อนออกแบบการตัดเฉพาะจุด โดยทำงานร่วมกับทีมวิศวกรในการออกแบบชิ้นส่วนทดแทนให้เข้ากับสรีระจริงของผู้ป่วยอย่างพอดี

นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังได้พัฒนา implant เฉพาะราย (custom implant) สำหรับใช้ทดแทนกระดูกที่ถูกตัดออก รวมถึง custom surgical guide ที่ช่วยให้แพทย์สามารถใส่อุปกรณ์ได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องอาศัยการเอกซเรย์ซ้ำระหว่างผ่าตัด ลดเวลาและความเสี่ยงของผู้ป่วยได้อย่างชัดเจน

รักษาการบาดเจ็บทางกระดูกและข้อ ด้วย 3D Printing

นพ.พงศกร รุ่งจารีสโลภา แพทย์ประจำหน่วย Orthopaedic Trauma สถาบันออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน ได้แบ่งปันประสบการณ์ในหัวข้อ “3D Printing for Complex Corrective Osteotomy in Orthopedic Trauma” เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี 3D Printing และ 3D Cutting Guide ในการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติของกระดูก (Corrective Osteotomy)

นพ.พงศกรอธิบายว่า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สามารถออกแบบ Cutting Guide เฉพาะราย จากข้อมูล CT Scan ของผู้ป่วยแต่ละคน เพื่อกำหนดตำแหน่ง มุม และองศาการตัดได้อย่างแม่นยำ

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-38-1024x683.jpeg

“การวางแผนสำคัญกว่าการผ่าตัดจริง เทคโนโลยี 3D Printing ช่วยให้เราจำลองผลลัพธ์และแก้ไขข้อผิดพลาดล่วงหน้า เหมือนได้ฝึกผ่าตัดก่อนเข้าห้องผ่าตัดจริงอีกครั้ง” — นพ.พงศกร กล่าว

โรงพยาบาลเลิดสินได้นำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้ในการผ่าตัดผู้ป่วยหลายรายและประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ช่วยยกระดับมาตรฐานการรักษา เพิ่มความมั่นใจให้ทั้งแพทย์และผู้ป่วย ลดเวลาในการผ่าตัด และให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการผ่าตัดแบบเดิมซึ่งอาศัยการประมาณการและประสบการณ์เป็นหลัก

คุณหมอยังกล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ช่วยให้แพทย์เข้าใจโครงสร้างของโรคและสรีระของผู้ป่วยได้ละเอียดมากขึ้น ส่งผลให้การวางแผนและการผ่าตัดมีความแม่นยำและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม

นอกจากนี้ นพ.พงศกรยังมองว่าในอนาคต AI และซอฟต์แวร์อัจฉริยะ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในกระบวนการรักษา โดยเฉพาะในการวิเคราะห์ วางแผน และจำลองการผ่าตัด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ทีมแพทย์และศัลยแพทย์ได้พัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง

แพทย์รุ่นใหม่มีมุมมองเกี่ยวกับการช่วยผ่าตัดกระดูกที่ซับซ้อนด้วย 3D Printing ยังไง ?

อีกหนึ่งช่วงสำคัญของงาน คือการบรรยายโดย นพ.วรท รัตนคูสกุล แพทย์ประจำหน่วย Orthopaedic Trauma สถาบันออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน บรรยายในหัวข้อ “3D Printing for Complex Corrective Osteotomy in Orthopedic Trauma” 

ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นว่า เทคโนโลยี 3D Printing ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือจำลองโมเดลทางการแพทย์ แต่ได้กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ในห้องผ่าตัดของศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ยุคใหม่

นพ.วรทเล่าถึงประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีนี้ร่วมกับภาพ CT Scan แบบ 3 มิติ ในการผ่าตัดผู้ป่วยที่มีกระดูกหักซับซ้อน ภาวะกระดูกไม่ติด รวมถึงกรณีกระดูกสูญเสียเนื้อเยื่อ (Bone Loss) จำนวนมาก 

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-35-1024x683.jpeg

“เราใช้เทคโนโลยี 3D Printing เพื่อวางแผนผ่าตัดได้ละเอียดขึ้น ตั้งแต่การดูภาพโครงสร้าง 3 มิติ ออกแบบอุปกรณ์นำทาง (Surgical Guide) ไปจนถึงการจำลองการผ่าตัดก่อนลงมือจริง ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มความมั่นใจให้ทีมแพทย์อย่างมาก” — นพ.วรท รัตนคูสกุล กล่าว

ขั้นตอนการทำงานเริ่มจากการนำภาพ CT มาสร้างเป็นโมเดล 3 มิติ เพื่อประเมินจุดที่กระดูกไม่ติด จากนั้นพิมพ์เป็นโมเดลจริงด้วยเครื่อง 3D Printer เพื่อจำลองแนวกระดูกและวางแผนก่อนการผ่าตัดจริง ก่อนออกแบบและผลิต Surgical Guide เฉพาะราย (Patient-Specific Guide) สำหรับใช้ระบุตำแหน่งการเจาะ การตัด และการยึดสกรูได้อย่างแม่นยำ

ผลการผ่าตัดหลังนำเทคโนโลยีนี้มาใช้พบว่า ทุกขั้นตอนเป็นไปตามที่วางแผนไว้จากโมเดล 3D หลังผ่าตัดเพียง 6 สัปดาห์ โครงสร้างกระดูกอยู่ในตำแหน่งที่ดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน และผู้ป่วยฟื้นตัวได้เป็นที่น่าพอใจ

นพ.วรทยังเสริมว่า แนวทางนี้ไม่เพียงใช้ได้กับเคสซับซ้อนเท่านั้น แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้กับการผ่าตัดทั่วไปที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การผ่าตัดกระดูกยาว (Long Bone Surgery) หรือการแก้ไขแนวกระดูกผิดรูป (Deformity Correction) ช่วยให้การผ่าตัดซับซ้อนกลายเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยี พร้อมทิ้งท้ายอย่างทรงพลังว่า 

“เรากำลังเปิด ‘ประตูบานใหม่’ ของวงการแพทย์ไทย ให้เทคโนโลยีเข้ามาเติมเต็มความแม่นยำ ความเร็ว และความเป็นมนุษย์ไปพร้อมกัน”

ทุกการบรรยายในงานครั้งนี้ต่างสะท้อนถึงศักยภาพของเทคโนโลยี 3D Printing ที่กำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการผ่าตัดและการรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านความแม่นยำ ความปลอดภัย และการลดภาระของผู้ป่วยหลังการผ่าตัดอย่างแท้จริง

AI และ 3D Printing “ปลดล็อก” อะไรให้การแพทย์ไทย?

การบรรยายหัวข้อ “Recent Development of 3D Printing and AI-Led Surgical Planning” โดย รศ.ดร.พชรพิชญ์ พรหมอุปถัมภ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) ซึ่งได้แบ่งปันมุมมองและแนวโน้มการนำ AI มาทำงานร่วมกับ 3D Printing ในการวางแผนผ่าตัดยุคใหม่

รศ.ดร.พชรพิชญ์ อธิบายว่า การผสานเทคโนโลยีทั้งสองช่วยปลดล็อกข้อจำกัดทางการแพทย์ได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านความแม่นยำ ความรวดเร็ว และการออกแบบชิ้นส่วนเฉพาะบุคคล 

จากประสบการณ์เกือบ 10 ปีในการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศไทย พบว่า ระบบนี้สามารถ เพิ่มความแม่นยำของการผ่าตัดได้ถึง 3 เท่า จาก ±1.5 มิลลิเมตร เหลือเพียง ±0.5 มิลลิเมตร และช่วย ลดเวลาในการผ่าตัดลงได้ 40–60% โดยเฉพาะในเคสที่ซับซ้อน เช่น ใบหน้าขากรรไกร ข้อเท้า และกระดูกที่มีโครงสร้างซับซ้อน

ล่าสุด ทีมวิจัยได้พัฒนา AI สำหรับการแยกภาพ CT และออกแบบอุปกรณ์อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดเวลาเตรียมงานได้ถึง 60% พร้อมสร้าง Web Platform ที่ให้แพทย์สามารถวางแผนการผ่าตัดได้ด้วยตนเอง ทั้งยังควบคุมต้นทุนให้คงเดิม เนื่องจากการลดเวลาการใช้ห้องผ่าตัดสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์ 3D Printing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รศ.ดร.พชรพิชญ์ มองว่าในอนาคต AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น โดยจะสามารถวิเคราะห์และแนะนำแนวทางการผ่าตัดอัตโนมัติแบบครบวงจร ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ยุคดิจิทัล และผลงานวิจัยของไทยก็เริ่มได้รับความสนใจในระดับนานาชาติ

“เราไม่ได้ทำซอฟต์แวร์แข่งกับบริษัทใหญ่ที่มีทีม 100 คน แต่เราทำแบบ Case-Specific — คือทำให้แต่ละเคสดีที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” – รศ.ดร.พชรพิชญ์ พรหมอุปถัมภ์ กล่าว

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-36-1024x683.jpeg

AppliCAD ร่วมผลักดันเทคโนโลยีเพื่อการแพทย์ 

บริษัท แอพพลิแคด จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติของประเทศไทย ได้ร่วมแบ่งปันความรู้และแนวโน้มเทคโนโลยีล่าสุด โดยมี คุณปฏิพัทธ์ กล่ำประชา รองผู้อำนวยการฝ่าย MI Hardware เป็นผู้บรรยายในหัวข้อ “AppliCAD Tech Update”

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-34-1024x683.jpeg

คุณปฏิพัทธ์ได้อัปเดตความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 3D Printing ทางการแพทย์ โดยเฉพาะนวัตกรรมจากแบรนด์ Stratasys ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวในโลกที่สามารถจำลองอวัยวะมนุษย์ได้สมจริงในระดับ “Digital Anatomy

Digital Anatomy Printer” สามารถสร้างแบบจำลองอวัยวะมนุษย์ได้ครบทุกมิติ ทั้งสี ความโปร่งแสง ความแข็ง–ความนุ่ม และการตอบสนองต่อการผ่าตัดจริง ช่วยให้แพทย์สามารถใช้โมเดลเหล่านี้ในการฝึกผ่าตัด วางแผน และจำลองสถานการณ์ก่อนลงมือจริงได้อย่างแม่นยำ

คุณปฏิพัทธ์ยังกล่าวถึงทิศทางอนาคตของเทคโนโลยี 3D Printing ทางการแพทย์ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเครื่องมือแพทย์ การเรียนการสอน และการผ่าตัดเฉพาะบุคคล (Patient-Specific Surgery) ที่ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ภายในงาน ผู้เข้าร่วมยังได้สัมผัสประสบการณ์จริงจากบูธจัดแสดงของ AppliCAD ที่นำเครื่องพิมพ์สามมิติและชิ้นงานจำลองจากห้องผ่าตัดมาให้ชมอย่างใกล้ชิด ตอกย้ำว่าเทคโนโลยี 3D Printing ทางการแพทย์ “ไม่ใช่เพียงแนวคิดของอนาคต แต่คือความจริงที่เกิดขึ้นแล้ววันนี้

ทำความรู้จัก Lerdsin Medical 3D Printing and Innovation Center

ศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติทางการแพทย์ โรงพยาบาลเลิดสิน ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ติดตั้งเครื่องมือ แต่คือ “ศูนย์กลางเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติทางการแพทย์ชั้นนำระดับประเทศ” ที่มุ่งยกระดับการรักษาผู้ป่วยไทยผ่านนวัตกรรมและองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมการแพทย์

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ DSC00303-1024x684.jpg

ศูนย์แห่งนี้ดำเนินงานภายใต้แนวคิด ‘นวัตกรรมเพื่อผู้ป่วยไทย’ โดยให้บริการหลัก 3 ด้าน ได้แก่

  • MED HUB (Medical Service) – ให้บริการผลิตชิ้นงานทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยี 3D Printing เพื่อใช้จริงในการรักษาผู้ป่วย เช่น Cutting Guide, Implant และโมเดลอวัยวะเฉพาะราย
  • Academic HUB (Learning & Research) – เป็นแหล่งเรียนรู้และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้สำหรับนักศึกษาแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และนักวิจัย พร้อมสนับสนุนงานวิจัยด้านนวัตกรรมทางการแพทย์
  • Innovation Development – พัฒนาต้นแบบนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการรักษาและขยายผลสู่โรงพยาบาลทั่วประเทศ

เทคโนโลยีและเครื่องพิมพ์ระดับเมดิคอล

ศูนย์ฯ ติดตั้งเครื่องพิมพ์สามมิติทางการแพทย์หลากหลายระบบ เพื่อรองรับงานที่มีความซับซ้อนและแตกต่างกัน ได้แก่

  • FDM Printer (Fused Deposition Modeling) – พิมพ์ชิ้นงานขนาดใหญ่ได้ถึง 40×40×40 ซม. เหมาะสำหรับจำลองโครงสร้างกระดูกและ Cutting Guide โดยใช้วัสดุ ASA และ PC-ISO ซึ่งเป็นวัสดุ Biocompatible สามารถใช้จริงในห้องผ่าตัดได้
  • PolyJet (Digital Anatomy Printer) – ระบบที่สามารถผสมวัสดุหลายชนิด เพื่อสร้างโมเดลอวัยวะที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงของจริง ทั้งในด้านความแข็ง–ความนุ่ม เหมาะสำหรับใช้ในการสอนและฝึกผ่าตัด
  • Metal Printer (Selective Laser Melting) – สำหรับพิมพ์อุปกรณ์ทางการแพทย์จากโลหะไทเทเนียม ซึ่งมีน้ำหนักเบา แข็งแรงสูง และปลอดภัยต่อร่างกาย

ศูนย์ฯ ยังมีทีมวิศวกรประจำที่พร้อมให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ และเชื่อมต่อระบบข้อมูลโรงพยาบาล (PACS) เพื่อแปลงภาพ CT / MRI เป็นโมเดลสามมิติได้โดยตรง

ความร่วมมือที่สร้างอนาคต

“Lerdsin Medical 3D Printing and Innovation Center” เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างสามภาคส่วนหลัก ได้แก่

  • กรมการแพทย์ — สนับสนุนนโยบายและเครือข่ายการแพทย์ทั่วประเทศ
  • โรงพยาบาลเลิดสิน — ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางคลินิก
  • บริษัท แอพพลิแคด จำกัด (มหาชน) — เทคโนโลยี เครื่องมือ และความเชี่ยวชาญด้าน 3D Printing

นี่คือตัวอย่างของ ‘Public–Private Collaboration’ ที่แท้จริง เพื่อผลักดันนวัตกรรมทางการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ image-1-2-1024x683.jpg

รูปภาพวิทยากร (จากซ้ายไปขวา)

  • นพ.วรท รัตนคูสกุล แพทย์ประจำหน่วย Orthopaedic Trauma, Institute of Orthopaedics, Lerdsin Hospital
  • นพ.ปิยะ เกียรติเสวี แพทย์ประจำหน่วย Orthopaedic Oncology, Institute of Orthopaedics, Lerdsin Hospital  
  • รศ.ดร.พชรพิชญ์ พรหมอุปถัมภ์  Associate Professor Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering King Mongkut’s University of Technology Thonburi (KMUTT)  
  • นพ.นวพงศ์ อนันตวรสกุล หัวหน้าศูนย์ Lerdsin Medical 3D Printing and Innovation Center และแพทย์ประจำหน่วย Upper Extrenity and Reconstructive Microsurgery,  Institute of Orthopaedics, Lerdsin Hospital 
  • นพ.ปริยุทธิ์ เจียรพัฒนาคม Director of Institute of Orthopaedics, Lerdsin Hospital 
  • นพ.พงศกร รุ่งจารีสโลภา แพทย์ประจำหน่วย Orthopaedic Trauma,  Institute of Orthopaedics, Lerdsin Hospital  
  • คุณปฏิพัทธ์ กล่ำประชา Deputy Director of MI Hardware, Applicad public company limited

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แอพพลิแคด จำกัด (มหาชน)
โทร: 02-744-9045
อีเมล: [email protected]
เว็บไซต์: www.applicadthai.com

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
Super Source-E-market place สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม