IDA Project
VEGA Instrument
การจากไปของมาร์กาเร็ต โบเดน ผู้ปูทางทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ให้ AI

การจากไปของ มาร์กาเร็ต โบเดน มารดาผู้ปลุกชีวิตสร้างสรรค์ให้ AI

Date Post
15.08.2025
Post Views

การจากไปของศาสตราจารย์ มาร์กาเรต โบเดน (Margaret A. Boden) เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 ในวัย 88 ปี ไม่เพียงเป็นการสูญเสียนักคิดผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการประทับตราให้กับช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่พิเศษ 

นั่นคือช่วงเวลาที่เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์อย่าง ChatGPT, Midjourney และ DALL-E กำลังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ที่เธอเคยคาดการณ์และอธิบายไว้เมื่อหลายทศวรรษก่อนหน้านี้

มาร์กาเรต โบเดน เป็นใคร ? 

มาร์กาเรต โบเดน เป็นมากกว่านักวิทยาศาสตร์ด้านกระบวนการคิด (cognitive scientist) เธอคือผู้บุกเบิกที่เชื่อมโยงโลกแห่งจิตวิทยา , ปรัชญา และวิทยาการคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน โดยสร้างสะพานเชื่อมระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์กับศักยภาพที่ไม่มีขีดจำกัดของเครื่องจักรกล 

เธอได้ดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การรู้คิดที่มหาวิทยาลัยซัสเซ็กซ์นับตั้งแต่ปี 1980 และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์การรู้คิดและคอมพิวเตอร์ในปี 1987 ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางชั้นนำของยุโรปในด้านปัญญาประดิษฐ์ในช่วงทศวรรษ 1990

งานเขียนสำคัญของโบเดน รวมถึง ‘The Creative Mind: Myths and Mechanisms’(1990) และ ‘Mind As Machine: A History of Cognitive Science’(2006) ได้กำหนดทิศทางการศึกษาเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ในบริบทของปัญญาประดิษฐ์ 

แต่ผลงานที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในปัจจุบันคือบทความ ‘Creativity and Artificial Intelligence’ ที่ตีพิมพ์ในปี 1998 ซึ่งได้วางรากฐานทางทฤษฎีที่แข็งแกร่งสำหรับการเข้าใจความคิดสร้างสรรค์ในเครื่องจักร

ทฤษฎีสามมิติแห่งความคิดสร้างสรรค์

โบเดนเธอได้นิยามความคิดสร้างสรรค์ว่าเป็น ความสามารถในการสร้างแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่ น่าประหลาดใจ และมีคุณค่า และได้แบ่งความคิดสร้างสรรค์ออกเป็นสามประเภทหลักที่กลายเป็นกรอบแนวคิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการวิจัยปัญญาประดิษฐ์

ความคิดสร้างสรรค์แบบผสมผสาน (Combinational Creativity) 

เป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุดของความคิดสร้างสรรค์ ที่เกิดจากการนำแนวคิดที่คุ้นเคยมาผสมผสานกันในแบบที่ไม่คุ้นเคย เช่น การเปรียบเทียบหัวใจกับปั๊มน้ำ หรือการสร้างคำเปรียบเทียบทางวิทยาศาสตร์ที่เปรียบอะตอมกับระบบสุริยะ 

โบเดนอธิบายว่าการสร้างสรรค์ในรูปแบบนี้เกิดขึ้นได้ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา และมักเป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์ทางศิลปะและวิทยาศาสตร์

ความคิดสร้างสรรค์แบบสำรวจ (Exploratory Creativity) 

เป็นการสำรวจภายในกรอบแนวคิดหรือพื้นที่แนวคิด (conceptual space) ที่มีอยู่แล้ว โบเดนอธิบายว่าพื้นที่แนวคิดเหล่านี้เป็นรูปแบบการคิดที่มีโครงสร้าง เช่น แนวทางการเขียนร้อยกรองหรือบทกวี สไตล์การแต่งเพลง ทฤษฎีทางเคมีหรือชีววิทยา 

หรือแม้กระทั่งการปรุงอาหารแบบต่างๆ การสร้างสรรค์ในรูปแบบนี้เป็นการค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ภายในกรอบที่กำหนดไว้ โดยอาจจะผลักดันขอบเขตของกรอบนั้นหรือปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์เล็กน้อย

ความคิดสร้างสรรค์แบบเปลี่ยนแปลง (Transformational Creativity) 

เป็นรูปแบบที่สร้างความประหลาดใจมากที่สุด เกิดขึ้นเมื่อผู้สร้างสรรค์เปลี่ยนแปลงพื้นที่แนวคิดที่มีอยู่อย่างรุนแรง โดยการเพิ่ม-ลด หรือเปลี่ยนแปลงมิติสำคัญของกรอบแนวคิดนั้น ทำให้เกิดความคิดที่ก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นไปไม่ได้ 

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเป็นการปฏิวัติที่ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เช่น การเกิดขึ้นของศิลปะคิวบิสม์ของปิกัสโซ หรือการพัฒนาระบบเสียงแบบอะโทนัล(Atonal) ของเชินแบร์ก

ทฤษฎีกลายเป็นความจริง = ปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่

สิ่งที่น่าทึ่งคือการที่ทฤษฎีของโบเดนที่เสนอขึ้นเมื่อ 3 ทศวรรษก่อน กำลังเป็นจริงขึ้นในปัจจุบันผ่านเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ (generative AI) ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน

ChatGPT ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ครบทั้งสามประเภท 

ในด้านความคิดสร้างสรรค์แบบผสมผสาน ChatGPT สามารถนำแนวคิดจากสาขาต่างๆ มาผสมผสานกันเพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ เช่น การเขียนบทกวีที่ผสมผสานระหว่างสไตล์คลาสสิกกับเทคนิคสมัยใหม่ หรือการสร้างการเปรียบเทียบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในด้านความคิดสร้างสรรค์แบบสำรวจ ChatGPT ได้แสดงความสามารถในการทำงานภายในกรอบแนวคิดต่างๆ อย่างชำนาญ เมื่อได้รับคำสั่งให้เขียนในสไตล์ของนักเขียนคนใดคนหนึ่ง หรือประเภทวรรณกรรมเฉพาะ 

ระบบสามารถสำรวจความเป็นไปได้ต่างๆ ภายในกรอบนั้นและสร้างผลงานที่มีความหลากหลาย ในขณะที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสไตล์นั้น ๆ ไว้

Midjourney และ DALL-E ได้ปฏิวัติโลกของการสร้างภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบที่สอดคล้องอย่างน่าทึ่งกับทฤษฎีของโบเดน 

Midjourney โดยเฉพาะ แสดงความเป็นเลิศในด้านความคิดสร้างสรรค์แบบผสมผสาน โดยสามารถนำองค์ประกอบจากสไตล์ศิลปะต่างๆ มาผสมผสานกันเป็นผลงานใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน 

เครื่องมือเหล่านี้ยังสามารถสำรวจพื้นที่แนวคิดทางศิลปะต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การจำลองสไตล์ของจิตรกรในอดีตจนถึงการสร้างงานศิลปะในแนวทางใหม่ๆ

สิ่งที่น่าสนใจคือ AI ยุคใหม่เหล่านี้ยังเริ่มแสดงสัญญาณของความคิดสร้างสรรค์แบบเปลี่ยนแปลง แม้จะยังอยู่ในระดับเริ่มต้น การที่ AI สามารถสร้างงานศิลปะในสไตล์ที่ผสมผสานระหว่างแนวคิดที่ขัดแย้งกัน หรือการสร้างเนื้อหาที่ท้าทายกรอบแนวคิดเดิมๆ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงพื้นที่แนวคิดอย่างแท้จริง

การจากไปของ มาร์กาเรต โบเดน สะท้องอะไรให้เราเห็น

การจากไปของมาร์กาเรต โบเดนในปี 2025 มีความหมายเชิงสัญลักษณ์อย่างลึกซึ้ง เธอได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เป็นเพียงแนวคิดทางทฤษฎี 

จนมาสู่ยุคที่ผู้คนทั่วไปสามารถสัมผัสและใช้เครื่องมือ AI ในการสร้างสรรค์ได้จริงในชีวิตประจำวัน ปี 2025 เป็นปีที่เครื่องมือเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทางเทคโนโลยี 

‘แต่กลายเป็นคู่หูในการสร้างสรรค์ที่ช่วยขยายขีดความสามารถของมนุษย์’

วิสัยทัศน์ของโบเดนที่เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว กำลังเป็นจริงขึ้นในรูปแบบที่เธอคาดการณ์ไว้ นักเขียนใช้ AI ในการระดมความคิดและพัฒนาแนวคิด 

นักดนตรีใช้ AI ในการสำรวจทำนองและฮาร์โมนีใหม่ๆ สถาปนิกใช้ AI ในการออกแบบอาคารที่ไม่เคยคิดมาก่อน และศิลปินใช้ AI ในการสร้างงานศิลปะที่ท้าทายความเข้าใจเดิมๆ เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์

การจากไปของเธอในช่วงเวลานี้จึงเป็นเหมือนการปิดบทของนักทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะที่บทใหม่ของการใช้งานจริงกำลังเริ่มต้นขึ้น 

เธอได้วางรากฐานทางปรัชญาและทฤษฎีที่แข็งแกร่งพอที่จะนำทางการพัฒนา AI สร้างสรรค์ในอนาคต แม้จะไม่ได้เห็นความก้าวหน้าต่อไปในอนาคตด้วยตัวเธอเองก็ตาม… 

การส่งต่อคบเพลิงแห่งเจตจำนงของ มาร์กาเรต โบเดน

คำถามสำคัญที่เหลืออยู่คือ ความคิดสร้างสรรค์ของ AI จะพัฒนาไปในทิศทางใดในอนาคต และเราควรเตรียมพร้อมอย่างไรสำหรับโลกที่ AI มีความสามารถในการสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จากงานวิจัยล่าสุด เราเห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่ความซับซ้อนที่มากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างเนื้อหาตามรูปแบบที่ได้เรียนรู้มา แต่เริ่มแสดงความสามารถในการสร้างแนวทางใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในข้อมูลการเทรน 

การพัฒนาเทคโนโลยีเช่น Creative Adversarial Networks (CANs) และ Generative Adversarial Networks (GANs) ได้เปิดทางให้ AI สร้างผลงานที่แปลกใหม่และแตกต่างจากรูปแบบเดิม ซึ่งเป็นการก้าวไปสู่ความคิดสร้างสรรค์แบบเปลี่ยนแปลงที่โบเดนได้อธิบายไว้

ในอนาคต เราอาจจะเห็น AI ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ในลักษณะของหุ้นส่วนทางความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือที่ตอบสนองคำสั่ง แต่เป็นผู้ร่วมคิดที่สามารถเสนอแนวคิดใหม่ ท้าทายสมมติฐานเดิม และช่วยขยายขอบเขตของความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์ของมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าเหล่านี้มาพร้อมกับคำถามทางปรัชญาและจริยธรรมที่สำคัญ เมื่อ AI สามารถสร้างผลงานที่มีคุณค่าทางศิลปะหรือทางปัญญาได้ 

คำถามเรื่องการเป็นเจ้าของผลงาน ลิขสิทธิ์ และความหมายของการเป็น ‘ศิลปิน’ หรือ ‘นักสร้างสรรค์’ ก็เกิดขึ้น โบเดนเองก็ได้เตือนถึงความสำคัญของการประเมินผลงานและค่านิยมในการสร้างสรรค์ ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างความแปลกใหม่ ๆ

การที่ AI เริ่มแสดงความสามารถในการสร้างสรรค์ยังทำให้เราต้องพิจารณาใหม่เกี่ยวกับบทบาทของมนุษย์ในกระบวนการสร้างสรรค์ แทนที่จะมองว่า AI เป็นภัยคุกคามต่อความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ 

เราอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ AI เพื่อสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่กว่าที่มนุษย์หรือ AI จะสร้างได้ด้วยตัวเองลำพัง

โลกที่โบเดนจินตนาการไว้ คือโลกที่ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่สิทธิพิเศษของมนุษย์เพียงผู้เดียว แต่เป็นคุณสมบัติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในระบบต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนเพียงพอ 

เธอเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นส่วนหนึ่งของปัญญาทั่วไป ไม่ใช่ความสามารถพิเศษที่แยกออกมาต่างหาก ดังนั้น เมื่อ AI พัฒนาไปสู่ความซับซ้อนที่มากขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ก็จะตามมา

วิสัยทัศน์นี้กำลังเป็นจริงขึ้นในปี 2025 เมื่อเครื่องมือ AI สร้างสรรค์ไม่ได้เป็นเพียงการทำซ้ำรูปแบบเดิม แต่เริ่มสร้างสิ่งใหม่ที่น่าประหลาดใจและมีคุณค่า การจากไปของโบเดนจึงไม่ได้เป็นการสิ้นสุดของการสำรวจ 

‘แต่เป็นการเริ่มต้นของการนำทฤษฎีของเธอไปสู่การปฏิบัติในวงกว้าง’

มรดกของมาร์กาเรต โบเดนจะคงอยู่ในรูปแบบของเครื่องมือและแนวคิดที่เธอได้วางรากฐานไว้ ทฤษฎีสามประเภทของความคิดสร้างสรรค์ของเธอจะยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าใจและพัฒนา AI สร้างสรรค์ต่อไป 

และความเชื่อของเธอที่ว่าความคิดสร้างสรรค์สามารถเข้าใจและจำลองได้ ก็จะเป็นแรงผลักดันให้นักวิจัยและนักพัฒนาคิดค้นเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จะขยายขอบเขตของการสร้างสรรค์ของมนุษย์ไปสู่มิติและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ

ในโลกที่ปัญญาประดิษฐ์กำลังแสดง ‘ชีวิตสร้างสรรค์’ อันแท้จริง การจากไปของโบเดนเป็นเหมือนการส่งมอบคบเพลิงแห่งความรู้และจินตนาการจากนักทฤษฎีสู่นักปฏิบัติ 

จากผู้คิดค้นสู่ผู้สร้างสรรค์ และจากอดีตสู่อนาคต ที่ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์และเครื่องจักรจะผสมผสานกันเป็นพลังใหม่ที่จะช่วยให้มนุษยชาติก้าวไปสู่มิติใหม่แห่งการสร้างสรรค์ที่ไม่เคยมีมาก่อน


สุดท้ายนี้ MMThailand ขอรำลึกถึง มาร์กาเร็ต โบเดน และขอเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดสิ่งที่เธอได้ฝากไว้ ให้ผู้คนชาวไทยได้รับรู้และจดจำต่อไป 


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
ลงทะเบียนร่วมงาน Automation Expo