Adobe ได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในตลาด AI ด้วยคำมั่นสัญญาชิ้นเดียวที่ฟังดูเรียบง่าย แต่ทรงพลัง นั่นคือ ความปลอดภัยเชิงพาณิชย์ (Commercial Safety) บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้สร้างซอฟต์แวร์ Photoshop เคยยืนยันว่า Firefly ของพวกเขาปลอดภัยกว่าคู่แข่ง เพราะฝึกด้วยเฉพาะภาพที่ได้รับอนุญาตจาก Adobe Stock และข้อมูลสาธารณะเท่านั้น แต่การประกาศล่าสุดที่เพิ่ม AI จากบุคคลที่สามเข้าสู่แพลตฟอร์ม Firefly กลับทำให้คำสัญญานี้ดูเหมือนจะสั่นสะเทือน
เมื่อ Adobe เปิดตัวความสามารถใหม่ในการสร้างวิดีโอพร้อมการผสานโมเดล AI จากพันธมิตรภายนอก รวมถึง Runway’s Gen-4 Video และ Google’s Veo3 คำถามที่น่าตกใจก็เริ่มตามมา ทำไม Adobe ถึงต้องการ AI จากข้างนอกหากโมเดลของตัวเองนั้นปลอดภัยอยู่แล้ว ?
คำสัญญาที่แตกร้าวของ Commercial Safety
สิ่งที่น่าจับตาคือ Adobe กำลังเสี่ยงต่อการทำลายหลักการสำคัญที่ตัวเองยึดถือมาตลอด ในขณะที่โมเดล Firefly ถูกฝึกด้วยข้อมูลที่ Adobe มีสิทธิ์ใช้งาน แต่พันธมิตรใหม่อย่าง Runway และ Google กลับไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน
ข้อมูลที่รั่วไหลออกมาเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า Runway เคยใช้วิดีโอจาก YouTube และแม้แต่หนังละเมิดลิขสิทธิ์มาฝึก AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ในขณะที่ Google ก็ใช้วิธีการเก็บเกี่ยวเนื้อหาจากเว็บไซต์ต่างๆ มาฝึกโมเดล AI ของตน
Creative Bloq ซึ่งเป็นสื่อชั้นนำด้านการออกแบบ ได้ตั้งคำถามไว้ตรงๆ ว่า
“เมื่อ Adobe ประมวลผลเนื้อหาผ่านโมเดล Firefly ของตัวเอง บริษัทสามารถรับประกันข้อเรียกร้องเรื่องลิขสิทธิ์ได้ เพราะควบคุมกระบวนการทั้งหมดได้ แต่เมื่อผู้ใช้เลือกใช้โมเดลของบุคคลที่สามผ่านแอป Firefly แล้ว Adobe กลายเป็นเพียงตัวกลาง พวกเขาไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยด้านลิขสิทธิ์ของเนื้อหาที่ตนไม่ได้สร้างขึ้นจากข้อมูลที่ตนไม่ได้คัดสรรเอง”
บรรยากาศขุ่นข้นในวงการ AI
การเปิดเผยข้อมูลการฝึก AI ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในหมู่ผู้สร้างสรรค์และบริษัทเทคโนโลยีตัวจริง รายงานจาก 404 Media ที่เปิดเผยสเปรดชีตภายในของ Runway แสดงให้เห็นการใช้เนื้อหาจากช่อง YouTube ชื่อดังหลายพันช่อง รวมถึงของ Disney, Netflix และ Sony โดยไม่ได้รับอนุญาต
ที่น่าตกตะลึงคือ Marques Brownlee (MKBHD) ยูทูบเบอร์เทคโนโลยีชื่อดัง ได้แสดงความประหลาดใจและไม่พอใจเมื่อค้นพบว่าวิดีโอของเขากว่า 1,600 วิดีโอถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม อดีตพนักงาน Runway เปิดเผยกับ 404 Media ว่าบริษัทใช้ความพยายามทั้งองค์กรในการระบุวิดีโอคุณภาพสูงเพื่อฝึกโมเดล โดยใช้เว็บครอว์เลอร์ที่ซับซ้อนและพร็อกซีเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและการบล็อกจาก YouTube
สถานการณ์ของ Google ก็ไม่ได้ดีกว่า เมื่อ CNBC เผยว่า Google ใช้คลังวิดีโอ YouTube จำนวน 20 พันล้านวิดีโอในการฝึก AI รวมถึง Gemini และ Veo 3 แม้ Google จะยืนยันว่าใช้เฉพาะบางส่วนเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยว่าใช้วิดีโอไหนบ้างหรือจำนวนแน่นอน
การตอบโต้ที่อ่อนแอของ Adobe
เมื่อ Creative Bloq ติดต่อ Adobe เพื่อขอคำชี้แจง โฆษก Adobe กลับเน้นย้ำว่า
“ตระกูลโมเดลสร้างสรรค์ Firefly ของ Adobe ซึ่งครอบคลุมภาพ, วิดีโอ, เวกเตอร์, เสียง และ 3D ได้รับการออกแบบตั้งแต่เริ่มแรกให้ปลอดภัยเชิงพาณิชย์ โดยโมเดลเหล่านี้ได้รับการฝึกเฉพาะเนื้อหาที่เรามีสิทธิ์ใช้เท่านั้น”
แต่ที่สำคัญคือ Adobe พยายามแยกแยะว่า โมเดล Firefly นั้นแตกต่างจากแอป Firefly โดยการผสานบุคคลที่สามเกิดขึ้นใน แอป Fireflyเท่านั้น การแยกแยะนี้อาจจะชัดเจนสำหรับ Adobe แต่อาจจะไม่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่แยกความแตกต่างไม่ออก
Adobe ได้นำเสนอมาตรการป้องกันหลายประการ รวมถึงการรับประกันว่าไม่ว่าผู้สร้างสรรค์จะเลือกใช้โมเดลใดภายในผลิตภัณฑ์ Adobe เนื้อหาที่พวกเขาสร้างขึ้นหรืออัปโหลดจะไม่ถูกใช้ในการฝึกโมเดล AI สร้างสรรค์ นอกจากนี้ บริษัทยังแนบ Content Credentials โดยอัตโนมัติกับผลงาน AI ทั้งหมดในแอป Firefly เพื่อระบุอย่างชัดเจนว่าเนื้อหานั้นถูกสร้างโดยใช้โมเดล Firefly ที่ปลอดภัยเชิงพาณิชย์ของเราหรือโมเดลพันธมิตร
ความขัดแย้งต่อ Adobe ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ปัญหาไม่ได้จบแค่เรื่องพันธมิตรภายนอกเท่านั้น รายงานจาก Bloomberg เผยว่าแม้แต่โมเดล Firefly ของ Adobe เองก็ได้รับการฝึกจากภาพที่สร้างโดย AI คู่แข่ง รวมถึง Midjourney ด้วย แม้ Adobe จะอ้างว่าภาพเหล่านี้คิดเป็นเพียง 5% ของข้อมูลฝึกทั้งหมด และผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวดผ่าน Adobe Stock แล้ว แต่การเปิดเผยนี้ก็ทำให้คำอ้างเรื่อง “จริยธรรม” ของ Adobe ถูกตั้งคำถาม
พนักงาน Adobe หลายคนได้บรรยายความขัดแย้งภายในเกี่ยวกับจริยธรรมของการฝึก AI ของ Adobe ด้วยภาพที่สร้างโดย AI จากคู่แข่ง โดยแม้แต่ในช่วงแรกๆ ของการพัฒนา Firefly ก็มีพนักงานหลายคนแสดงความวิจารณ์ต่อการตัดสินใจของบริษัทที่นำภาพ AI เข้าสู่ข้อมูลการฝึก
ปรัชญาทางธุรกิจที่ซับซ้อนของ Adobe
โฆษก Adobe เสนอแนะว่าลูกค้าควร ใช้โมเดลพันธมิตรในระหว่างขั้นตอนการระดมไอเดีย เพื่อสำรวจทิศทางความคิดสร้างสรรค์ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะเข้าสู่การผลิต พวกเขาหันมาใช้โมเดล Firefly ที่ปลอดภัยเชิงพาณิชย์ของ Adobe
แนวคิดนี้อาจจะฟังดูสมเหตุสมผล แต่ในทางปฏิบัติแล้วอาจจะซับซ้อนกว่าที่คิด ผู้ใช้จำนวนมากอาจจะไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างการระดมไอเดียกับการผลิต หรืออาจจะไม่ทราบเลยว่าโมเดลไหนที่พวกเขากำลังใช้อยู่
ความเป็นจริงคือ การแข่งขันในตลาด AI วิดีโอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และโมเดลของ Adobe บางครั้งก็ล้าหลังคู่แข่งในด้านคุณภาพและคุณสมบัติ การผสานเครื่องมือของบุคคลที่สามทำให้ Adobe สามารถเสนอความสามารถล่าสุดได้โดยไม่ต้องรอเทคโนโลยีของตัวเองทัน
คำถามสำคัญที่ยังไม่ได้รับคำตอบจาก Adobe
การเคลื่อนไหวของ Adobe ทำให้เกิดคำถามใหม่ๆ ที่น่าสนใจ หากความปลอดภัยเชิงพาณิชย์เป็นข้อได้เปรียบหลักของ Adobe แล้วทำไมถึงต้องการโมเดลที่ไม่ปลอดภัย จากคู่แข่งด้วย การแยกแยะระหว่าง แอป Firefly กับโมเดล Firefly นั้นชัดเจนเพียงพอสำหรับผู้ใช้ทั่วไปหรือไม่
ที่สำคัญคือ Adobe กำลังเสี่ยงต่อการสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้าที่เลือกใช้ Adobe เพราะเชื่อในคำสัญญาเรื่อง ‘ความปลอดภัยเชิงพาณิชย์’ นับแต่นี้เป็นต้นไป เมื่อผู้ใช้เปิดแอป Firefly พวกเขาจะต้องคิดให้ดีว่าโมเดลไหนที่พวกเขากำลังใช้ และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อความปลอดภัยทางกฎหมายของงานที่พวกเขาสร้าง
สถานการณ์นี้เป็นตัวอย่างที่ดีของความท้าทายที่บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ กำลังเผชิญในยุค AI การต้องการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยและแข่งขันได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาหลักการและคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับลูกค้า
บทสรุปที่ยังไม่จบของ Adobe firefly
การตัดสินใจของ Adobe ที่จะรวมโมเดล AI จากบุคคลที่สามเข้าสู่ Firefly อาจจะสมเหตุสมผลในแง่ธุรกิจ แต่ก็เสี่ยงต่อการทำลายสิ่งที่ทำให้ Adobe แตกต่าง นั่นคือการเป็น “ทางเลือกที่ปลอดภัย” สำหรับธุรกิจที่กังวลเรื่องลิขสิทธิ์
คำถามสุดท้ายคือ ผู้ใช้จะเต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนความปลอดภัยที่เคยมีกับความสามารถที่มากขึ้นหรือไม่ และ Adobe จะสามารถสื่อสารความแตกต่างระหว่างโมเดลต่างๆ ได้อย่างชัดเจนเพียงพอหรือไม่ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วน
หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของยุค AI คือการสร้างความสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความไว้วางใจ Adobe กำลังเผชิญกับความท้าทายนี้แบบเต็มตัว และผลลัพธ์ของการทดลองครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อทั้งอนาคตของบริษัทและทิศทางของอุตสาหกรรม AI โดยรวม