ZEISS
Dario Amodei CEO ของ Anthropic

ทำไม Anthropic ส่อมีปัญหาเพราะรับเงินทุนจากตะวันออกกลาง

Date Post
30.07.2025
Post Views

ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ คำถามที่กำลังร้อนแรงไม่ใช่เพียงแค่ ‘ใครจะพัฒนา AI ได้ไกลที่สุด’ แต่อาจต้องถามต่ออีกว่า ‘ใครมีเงินทุนมากพอจะวิ่งตามความเร็วนี้ทัน?’

ล่าสุด Dario Amodei ซีอีโอหัวก้าวหน้าของ Anthropic บริษัท AI ชั้นนำจากสหรัฐฯ ได้โยนประเด็นร้อนใส่วงการ AI อย่างตรงไปตรงมา เขาส่งข้อความถึงพนักงานภายในบริษัทว่า Anthropic

ว่ากำลังเตรียมเปิดรับการลงทุนจากประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และกาตาร์ แม้จะรู้เต็มอกว่าเงินก้อนนี้อาจมาจากรัฐบาลที่มีพฤติกรรม ‘เผด็จการ’

หากฟังแล้วแอบรู้สึกว่ามันขัดกับภาพของบริษัทเทคโนโลยีเชิงจริยธรรมที่หลายคนคุ้นเคย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านี้ Anthropic เคยปฏิเสธเงินจากซาอุดีอาระเบีย

ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติแบบไม่ลังเล แต่โลกแห่ง AI ในปี 2025 นั้นเปลี่ยนไปมาก และดูเหมือนว่า Amodei ก็กำลังบอกโลกว่า 

“ในสนามแข่งระยะไกล เงินทุนไม่ต่างจากน้ำดื่ม คุณอาจไม่ชอบที่มาของมัน แต่ปฏิเสธไม่ได้หากคุณจะไปให้ถึงเส้นชัยคุณก็ต้องมีมัน” และ “ผมไม่ได้รู้สึกดีกับเรื่องนี้…แต่ความอยู่รอดของบริษัทต้องมาก่อน”

จากรายงานของ Wired และการเปิดเผยเนื้อหาใน Slack ภายในบริษัท Amodei อธิบายกับพนักงานว่าเป้าหมายสำคัญของการเปิดรับเงินตะวันออกกลาง คือ

เพื่อเสริมความสามารถด้านการวิจัยขั้นสูงและสร้างระบบฝึกสอนโมเดลขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินในระดับ หลายแสนล้านดอลลาร์ขึ้นไป หรือในภาษาคนทำธุรกิจ คือ “ถ้าไม่ยอมรับเงินเหล่านี้ เราอาจหลุดจากหัวแถว”

เขายังย้ำว่าการรับเงินครั้งนี้จะอยู่ในรูปแบบ purely financial investment เท่านั้น คือไม่ให้สิทธิ์ประเทศเหล่านั้นมีอำนาจควบคุมการตัดสินใจใดๆ ในบริษัทอย่างเป็นทางการ 

แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ปิดบังความกังวลว่า การรับเงินรอบนี้อาจสร้างบารมีแฝงให้กับนักลงทุนในรูปแบบ soft power แบบที่ยากจะควบคุม

อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจนึกภาพตามได้ว่า CEO ของบริษัท AI ที่เพิ่งได้สัญญาพิเศษจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มูลค่า 200 ล้านเหรียญ เขากำลังต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง “หลักการ” กับ “โอกาส” 

สนามแข่งขันที่ไม่เท่ากัน — เมื่อเพื่อนร่วมวงการโผไปตะวันออกกลางก่อนแล้ว

การตัดสินใจของ Anthropic ไม่ได้เกิดขึ้นแบบลอย ๆ แต่สะท้อนถึงทิศทางของอุตสาหกรรม AI ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเงินลงทุนขนาดมหาศาล และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางกลายเป็นผู้เล่นตัวจริงในเวทีนี้ไปแล้ว

OpenAI คู่แข่งคนสำคัญ ก็ประกาศความร่วมมือกับ G42 บริษัทจาก UAE ผ่านโครงการ UAE Stargate ซึ่งจะสร้างกำลังประมวลผลสูงถึง 5 กิกะวัตต์ (5GW) หรือระดับที่สามารถฝึกโมเดล AI ขนาดยักษ์ได้หลายรุ่นพร้อมกัน 

ขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบียก็ก่อตั้งบริษัทนาม Humain โดยรัฐบาลถือหุ้นทั้งหมด พร้อมทุ่มซื้อชิป AI และเตรียมจับมือกับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง

Amodei อธิบายว่า Anthropic ในตอนนี้กำลังเสียเปรียบเชิงโครงสร้าง เพราะยืนยันจะไม่รับเงินจากบางแหล่งทุนในอดีต ความจริงที่ว่าบริษัทอื่น ๆ ยิ่งยอมง่ายก็อาจ ยิ่งได้กำลัง ทำให้บอร์ดบริหารของ Anthropic 

ต้องกลับมาคิดทบทวนว่า หลักการอาจจะสูงส่งก็จริง แต่ถ้าการรักษาหลักการทำให้บริษัทชะลอตัวลงมาก อนาคตในสายงาน AI ก็อาจสูญหายไปด้วย 

เงินกับจริยธรรม คือ คู่ตรงข้ามหรือของคู่กัน?

และนี่คือคำถามที่เริ่มโผล่ขึ้นมาบ่อยในวงการเทคโนโลยีช่วงไม่กี่ปีนี้ เมื่อพรมแดนระหว่างการสร้างสิ่งยิ่งใหญ่กับการรักษาความดีเริ่มเบลอ

Anthropic เองคือบริษัทที่สร้าง Claude ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดล AI ภาษา (language models) ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความปลอดภัยและมีจริยธรรมสูง โดยเน้นว่า ‘ระบบที่ฉลาดไม่จำเป็นต้องอันตรายต่อสังคม’

ดังนั้น การเปลี่ยนทิศทางไปรับเงินลงทุนจากแหล่งที่เคยเลี่ยง จึงไม่พ้นที่จะถูกตั้งคำถามจากสาธารณชน รวมถึงพนักงานภายในเอง

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็มีเสียงเข้าใจว่า โลกของ AI ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเกมอำนาจระดับโลกที่ต้องใช้งบประมาณระดับประเทศ ถึงจะไต่อันดับไปอยู่ในลีกเดียวกับ Google หรือ OpenAI ได้จริง

บทสรุปที่ไม่มีคำตอบตายตัว

คำกล่าวของ Amodei ในตอนท้าย สะท้อนหัวใจของความซับซ้อนในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน

“ผมได้แต่หวังว่าจะไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้…แต่ตอนนี้ผมต้องอยู่กับมัน”

นั่นคือความจริงของบริษัทเทคโนโลยีในวันที่โลกหมุนเร็วขึ้นด้วยวงล้อของซิลิคอน , พลังงาน , และอำนาจอธิปไตย ในยุคที่จริยธรรมต้องต่อรองกับความอยู่รอดและนวัตกรรมต้องประคองบนเส้นบางๆ ของการเมืองระหว่างประเทศ

Anthropic ไม่ใช่บริษัทแรกที่เผชิญคำถามนี้ และก็คงไม่ใช่รายสุดท้าย แต่การตัดสินใจครั้งนี้จะกลายเป็นกรณีศึกษา 

ไม่ว่ามันจะนำพาไปสู่ความสำเร็จ หรือกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ย้อนกลับมาตั้งคำถามถึงสิ่งที่บริษัทเคยเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งก็ตาม


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
Super Source-E-market place สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม