AI ไม่เก็บความลับ

อย่าคิดว่า AI จะเก็บความลับให้คุณ ?

Date Post
04.08.2025
Post Views

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในหลายล้านคนที่เคยคุยกับ ChatGPT อย่างเปิดอก เปิดใจ อาจต้องฟังคำเตือนล่าสุดจาก Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI อาจทำให้คุณต้องกลับมาคิดใหม่ก่อนพิมพ์ เพราะแม้ว่าโมเดลภาษานี้จะฉลาด น่ารัก และบางครั้งให้คำแนะนำดีกว่าเพื่อนมนุษย์เสียอีก อาจไม่น่าไว้ใจอย่างที่คิด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Altman ได้ออกมาเตือนผู้ใช้งานอย่างตรงไปตรงมาว่า ข้อมูลที่คุณป้อนลงไปในการแชทกับ ChatGPT นั้น ไม่มีการคุ้มครองทางกฎหมายเหมือนกับการสนทนาระหว่างทนายกับลูกความ หรือแพทย์กับคนไข้ นั่นหมายความว่า หากคุณคุยเรื่องสำคัญกับ AI 

ไม่ว่าจะเป็นแผนธุรกิจ, ความลับทางการค้า, หรือแม้แต่ซ้อมสารสารภาพรักกับ AI โดยที่ไม่อยากให้ใครรู้ การสนทนาเหล่านั้นจะไม่ได้รับการป้องกันทางกฎหมายใด ๆ ที่จะมาคุ้มครองคุณได้เลย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวของ AI ถูกหยิบยกขึ้นมา แต่สิ่งที่ทำให้การเตือนครั้งนี้สะเทือนวงการคือ มันออกมาจากปากของผู้นำบริษัทที่สร้างเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาเอง 

ผู้คนหลายล้านที่ใช้ ChatGPT ในชีวิตประจำวันอาจไม่เคยหยุดคิดว่า ข้อมูลที่พิมพ์ลงไปจะถูกเก็บไว้อย่างไร หรือใครสามารถเข้าถึงได้บ้าง ซึ่ง Altman เองก็ยอมรับว่า OpenAI กำลังพัฒนาแนวทางให้ผู้ใช้มีทางเลือกควบคุมข้อมูลได้มากขึ้น แต่ในตอนนี้ ‘ผู้ใช้อาจต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบตัวเองก่อน !!’

และข่าวใหญ่ๆ ล่าสุด OpenAI ดันต้องถูกศาลสหรัฐฯ บังคับให้เก็บรักษาทุกบทสนทนาของผู้ใช้ ChatGPT เพราะคดีฟ้องร้องจาก New York Times เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ บอกเลยว่าสร้างแรงกระเพื่อมเรื่องสิทธิส่วนตัวของผู้ใช้สุด ๆ

ที่ผ่านมา OpenAI อาจมีนโยบายลบข้อมูลผู้ใช้อยู่แล้วภายใน 30 วัน แต่ด้วยคดีนี้ ศาลมองว่าหลักฐานอาจอยู่ในข้อมูลการสนทนาของคุณและ ChatGPT เลยมีคำสั่ง ห้ามลบการสนทนาใด ๆ (ยกเว้นผู้ใช้ที่ซื้อแพ็คเกจระดับองค์กรและสถาบันการศึกษา) ทำให้ข้อมูลที่เราเคยนึกว่าถูกลบแล้ว กลับถูกเก็บไว้แบบถาวรจนกว่าคดีจะจบ ( อันนี้คือในกรณีที่คุณดันไปเกี่ยวข้องหรือเกิดคดีความในสหรัฐฯ นะครับ )

หากมองลึกลงไป ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิคหรือกฎหมาย แต่เป็นเรื่องของ ‘ความไว้ใจ’ ที่เริ่มพร่าเลือนมากขึ้นทุกวัน ChatGPT เป็นเหมือนสมุดโน้ตที่ตอบกลับได้ แต่อย่าลืมว่าสมุดโน้ตเล่มนี้ไม่ได้ล็อกด้วยรหัสผ่านของคุณ และบางทีมันอาจถูกเปิดอ่านได้หากมีเหตุผลที่เหมาะสมพอ

แน่นอนว่า OpenAI มีระบบเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล และไม่ได้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานแบบเจาะจงออกสู่สาธารณะ แต่การที่ซีอีโอบริษัทต้องออกมาบอกด้วยตัวเองว่า อย่าคิดว่าข้อมูลในแชทนั้นจะเป็นความลับตามกฎหมายก็สะท้อนว่าโลกของ AI นั้นยังอยู่ในช่วงรอยต่อ ที่กฎหมายยังไล่ไม่ทันเทคโนโลยี

แล้วเราควรทำอย่างไร? คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่การเลิกใช้ ChatGPT แต่อยู่ที่ “การรู้ให้เท่าทัน” และเลือกใช้อย่างมีสติ หากคุณต้องคุยเรื่องส่วนตัวหรือความลับระดับชาติ อาจถึงเวลาที่ต้องถามตัวเองว่า “นี่คือบทสนทนาที่ควรพูดกับมนุษย์หรือเปล่า?”

ท้ายที่สุด แม้ AI จะฉลาดแค่ไหน แต่มันยังไม่เข้าใจคำว่า “ความลับ” เท่าที่มนุษย์เข้าใจ และไม่มีวันให้คำมั่นสัญญาได้ว่า “สิ่งที่เราคุยกัน จะอยู่แค่ในนี้”


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ