Apple ที่เป็นถึงบริษัทนวัตกรรมแต่ทำไม กลับปล่อยให้คนเก่งหนีไปหาคู่แข่งกันแบบนี้? หากใครคิดว่าการที่ Meta ดึงตัว Ruoming Pang หัวหน้าทีม Foundation Models ของ Apple ไปด้วยเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์นั้นจบแล้ว
คุณคงต้องคิดใหม่ เพราะล่าสุด Mark Zuckerberg ยังไม่พอใจ เขาส่งต่อไปดึงลูกทีมของ Pang อีกสองคนตาม Mark Lee และ Tom Gunter ทั้งคู่ที่เคยเป็นแกนหลักของทีม AI ใน Apple
ลองนึกภาพดูสิ บริษัทที่ทำ iPhone ซึ่งควรจะเป็นตัวจริงเรื่องนวัตกรรม กลับต้องมานั่งดูคู่แข่งเดินเข้ามาดูดคนเก่งไปทีละคนแบบนี้ และ Lee ที่ถูกขนานนามว่าเป็นคนแรกที่ Pang จ้าง ตอนมาทำงานที่ Apple
ก็ลาออกไปเริ่มงานกับ Meta แล้ว ส่วน Gunter วิศวกรอาวุโสที่ถือว่าเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่สุดของกลุ่มนี้ก็เตรียมตัวตามไปเช่นกัน
ที่น่าสนใจคือ Gunter นี่เพิ่งลาออกจาก Apple เมื่อเดือนที่แล้ว ไปทำงานกับ AI startup อื่นแป้บเดียว แต่กลับเปลี่ยนใจมาเข้า Meta แทน พร้อมกับสัญญาหลายปีมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ จนทำเอาคนสงสัยว่านี้ เปลี่ยนงานหรือ การประมูลคนเก่ง ?
Superintelligence Labs อาวุธลับของ Zuckerberg
Meta ไม่ได้หยุดแค่การดึงคนจาก Apple เท่านั้น บริษัทยังได้ตัวนักวิจัยจาก OpenAI อย่าง Jason Wei และ Hyung Won Chung รวมถึงอดีต CEO ของ GitHub Nat Friedman และผู้ก่อตั้ง AI startup Daniel Gross มาร่วมทีมด้วย
การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ของ Zuckerberg ที่ประกาศจะใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างระบบ AI ที่สามารถทำงานได้ดีเท่าหรือเก่งกว่ามนุษย์ เป้าหมายที่ฟังดูเหมือนหนังไซไฟ แต่ดูเหมือนว่า Meta จะจริงจังกับเรื่องนี้มากกว่าที่คิด
Apple จากผู้นำกลายเป็นผู้ตาม?
ในขณะที่ Meta เดินหน้าอย่างเข้มข้น สถานการณ์ภายใน Apple กลับดูไม่ค่อยสดใส รายงานระบุว่าขวัญกำลังใจในทีม AI ของ Apple ลดลงอย่างต่อเนื่อง นักพัฒนารู้สึกว่าตัวเองถูกโยนความผิดให้เมื่อโปรเจ็กต์ AI ไม่ประสบความสำเร็จ
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกคือความไม่แน่นอนว่า Apple จะใช้ AI ภายในที่พัฒนาเอง หรือจะหันไปใช้เทคโนโลยีจากภายนอกอย่าง OpenAI หรือ Anthropic ในผลิตภัณฑ์อย่าง Siri แทน
แม้ Apple จะเริ่มเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานเพื่อรักษาคนเก่ง แต่จำนวนนี้ยังคงน้อยกว่าสิ่งที่ Meta เสนอให้อยู่มาก คำถามคือ บริษัทที่มีเงินสดในมือกว่า 100 พันล้านดอลลาร์จะไปเหนียวหาเรื่องเงินเดือนทำไม?
การแย่งชิงบุคลากร AI ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะผู้ที่ควบคุมเทคโนโลยี AI จะเป็นผู้กำหนดอนาคตของโลกดิจิทัล ข้อมูลจาก McKinsey ระบุว่าตลาด AI จะมีมูลค่าถึง 13 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
ในขณะที่ Meta ลงทุนอย่างหนักและดึงคนเก่งมาจากทุกที่ Apple กลับดูเหมือนจะเดินช้า ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า บริษัทที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมจะกลายเป็นแค่ผู้ตามแทนผู้นำในยุค AI หรือไม่?
ท้ายที่สุดแล้ว การที่ Meta สามารถดึงตัวคนเก่งจาก Apple ได้ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ อาจจะเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันในวงการเทคโนโลยีไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ชื่อเสียงบริษัทอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะจ่ายเงินเยอะกว่าและวิสัยทัศน์ใครจะชัดเจนกว่า
Source : Investing , TechCrunch , Channel NewsAsia
