SIEMENS WinCC
สมองที่มีสูตรทางคณิตศาสตร์ อยู่รอบ ๆ

AI ที่เก่งเลขกว่ามนุษย์ (บางคน) ? พารู้จัก AlphaProof & AlphaGeometry

Date Post
23.07.2025
Post Views

หลายคนอาจยังจำได้ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อของ DeepMind ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ในวงการ AI ระดับโลก ตั้งแต่ AlphaGo ที่โค่นแชมป์โกะโลก ไปจนถึง AlphaFold ที่พลิกโฉมชีววิทยาโมเลกุลแบบที่วงการแพทย์ต้องตั้งหลักใหม่ แต่ล่าสุด DeepMind กลับมาอีกครั้ง พร้อม 2 โปรเจกต์ที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจของเราเกี่ยวกับ การคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะ และการพิสูจน์หลักการทางคณิตศาสตร์ไปตลอดกาล

พวกมันมีชื่อว่า AlphaProof และ AlphaGeometry ครับ

ถ้าคุณกำลังคิดว่า อันนี้เป็น AI ที่จะมาช่วยทำโจทย์เลขเหรอ? บอกเลยว่า นี่ไม่ใช่การกดเครื่องคิดเลขให้ไวขึ้นแต่คือการออกแบบ AI ที่สามารถ เข้าใจตรรกะคณิตศาสตร์ระดับลึก, สร้างข้อพิสูจน์ที่มนุษย์ยังไม่เคยคิดถึง, และที่สำคัญคือ เรียนรู้วิธีคิดแบบนักคณิตศาสตร์ตัวจริง ได้ด้วยตัวเอง

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราบ้าง? มันสำคัญแค่ไหนในโลกที่เรากำลังอยู่? บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกเบื้องหลังสองสุดยอดนวัตกรรมนี้ ไปจนถึงคำถามที่ใหญ่กว่าว่า “แล้ว AI ตัวต่อไปจะคิดแทนเราได้แค่ไหนกัน ?”

Alpha Proof ปลดล็อกภาษาของนักคณิตศาสตร์

หากจะเข้าใจว่า AlphaProof คืออะไร เราต้องเข้าใจก่อนว่า การพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ไม่ใช่แค่การหาคำตอบ แต่คือการอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผล ว่าทำไมบางสิ่งจึงเป็นจริง โดยใช้หลักฐานและตรรกะที่ต่อเนื่องกันแบบแป๊ะ ๆ และไม่มีช่องโหว่

นั่นคือเหตุผลที่การพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ ถูกใช้เป็นมาตรฐานทองคำของเหตุผลมนุษย์มาหลายพันปี แต่การที่ AI จะเข้าใจสิ่งนี้ได้ มันต้องมีอะไรที่มากกว่าแค่การจำโจทย์หรือสูตร 

AlphaProof จึงถูกฝึกบน Formal Mathematical Language ที่ถูกแปลงจากงานวิจัยคณิตศาสตร์จริงกว่า 15,000 บท และใช้ระบบ theorem prover อย่าง Lean เป็นพื้นฐาน เพื่อให้ AI ไม่เพียงแต่เข้าใจเนื้อหา แต่ยังสามารถเขียน บทพิสูจน์ใหม่ที่ถูกต้องตามหลักอย่างสมบูรณ์

จุดที่ทำให้หลายคนอ้าปากค้างคือ AlphaProof สามารถเขียนบทพิสูจน์ที่ ไม่เคยปรากฏในเอกสารต้นฉบับ แต่มีความถูกต้องและลึกซึ้งจนคนในแวดวงยอมรับว่า มันคิดเหมือนนักคณิตศาสตร์มืออาชีพจริงๆ

ในเชิงธุรกิจและวิจัย นี่คือก้าวแรกของ AI ที่สามารถร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ในการค้นพบทฤษฎีใหม่, ย่นเวลาการวิจัย และอาจช่วยปลดล็อกโจทย์ระดับโลก ตั้งแต่การออกแบบระบบควอนตัม ไปจนถึงแบบจำลองเศรษฐกิจมหภาค

AlphaGeometry เมื่อ AI วาดรูปแล้วพิสูจน์ได้

ในขณะที่ AlphaProof เน้นไปทางพีชคณิตและตรรกะ AlphaGeometry กลับเลือกสนามที่ มนุษย์อย่างเราภูมิใจว่าเข้าใจได้ดีกว่าใครนั่นคือ เรขาคณิต

แต่ DeepMind กลับหักปากกาเซียนทั้งหลาย ด้วยการออกแบบโมเดลที่ผสมผสานระหว่างการมองเห็นภาพ (vision transformer) และการคิดวิเคราะห์แบบ symbolic reasoning ให้กลายเป็น AI ที่สามารถแก้โจทย์เรขาคณิตได้อย่างสร้างสรรค์

ในการแข่งขัน IMO (International Mathematical Olympiad) ซึ่งเป็นสนามประลองของเด็กหัวกะทิทั่วโลก AlphaGeometry ทำคะแนนได้ระดับ Top 10% ของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากมนุษย์เลย

** อัพเดทวันที่ 21/07/2025 OpenAI Reasoning LLM(Beta) ได้เอาชนะ DeepMind AlphaProof + AlphaGeometry ไปด้วยคะแนน IMO 35/42 ทิ้งห่างไป 7 คะแนนและขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งในเวลานี้ **

ลองจินตนาการว่า AI ตัวหนึ่งนั่งอยู่ในห้องสอบ เห็นภาพสามเหลี่ยม มุม เส้นขนาน แล้วเข้าใจ ตรรกะของพื้นที่แบบที่เด็กที่เรียนพิเศษเลขใช้เวลานับพันชั่วโมงในการฝึกฝน

แต่สิ่งที่น่าทึ่งไม่ใช่แค่คะแนนสอบ มันคือแนวทางการแก้โจทย์ที่ไม่ซ้ำกับวิธีที่เราเคยรู้จักมาก่อน และนั่นคือสิ่งที่คนในวงการเรียกว่า ความคิดสร้างสรรค์ของ AI

แค่เก่งเลขหรือกำลังท้าทายขีดจำกัดของปัญญาประดิษฐ์ ?

เมื่อรวมกัน AlphaProof และ AlphaGeometry ไม่ได้แค่แสดงให้เห็นว่า AI เข้าใจคณิตศาสตร์ได้ แต่กำลังตั้งคำถามกลับว่า แล้วความเข้าใจจริง ๆ ของมนุษย์คืออะไร?

เพราะในขณะที่เราฝึกท่องสูตรและฝึกทำโจทย์ AI กลับใช้การเรียนรู้แบบ unsupervised, เข้าใจตรรกะเอง, และสร้างแนวคิดใหม่ที่ไม่ถูกสอนมา

ประเด็นที่ผู้เชี่ยวชาญเริ่มพูดถึง คือ AI แบบนี้กำลังเข้าใกล้ ‘AGI’ หรือ Artificial General Intelligence  ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเฉพาะทางอีกต่อไป

และถ้า AI เข้าใจคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบที่ซับซ้อนและแม่นยำที่สุดได้ มันก็อาจเข้าใจระบบอื่น ๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบกฎหมาย, เศรษฐกิจ, หรือแม้แต่สังคมมนุษย์

แล้วคนทั่วไปล่ะ ? จะเกี่ยวอะไรกับเรา ?

ในมุมของภาคธุรกิจ การมี AI ที่เข้าใจตรรกะระดับลึก เท่ากับมี ‘ผู้ช่วย’ ที่สามารถวิเคราะห์ความซับซ้อนในงานออกแบบซอฟต์แวร์, การวางแผนการผลิต, หรือแม้แต่การทำ audit ด้านการเงิน ได้เร็วและแม่นยำยิ่งกว่าคน

ในมุมของการศึกษา เราอาจต้องเริ่มคิดใหม่ว่า การสอนคณิตศาสตร์ควรเป็นเรื่องของการสร้างความเข้าใจมากกว่าการท่องจำสูตร เพราะเด็กยุคใหม่จะไม่ได้แข่งขันกับเพื่อนในห้องอีกต่อไป แต่อาจต้องแข่งกับ AI ที่เข้าใจลึกกว่าครูเสียอีก

และในมุมของเทคโนโลยี ความสามารถของ AlphaProof และ AlphaGeometry คือหมุดหมายใหม่ว่า AI ไม่ได้อยู่แค่ที่ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือแค่ในแอปพลิเคชัน แต่กำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบความรู้ ที่สังคมมนุษย์ใช้ตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ

แล้วเราจะทำอะไรกับสิ่งนี้ได้ ?

คำถามสุดท้ายที่น่าคิดคือ แล้วองค์กรควรเริ่มต้นยังไงกับเรื่องนี้? จะเรียนรู้ AI แบบ AlphaProof หรือ AlphaGeometry ไปเพื่ออะไร?

คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่การนำมันมาใช้ทันที แต่อยู่ที่การเริ่มเข้าใจว่า ระบบเหตุผล และตรรกะ กำลังกลายเป็นทรัพยากรที่ AI เข้าถึงได้ไม่ต่างจากเรา

ถ้าปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉย ๆ เราอาจไม่ได้แค่เสียโอกาสในการใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่กำลังปล่อยให้โลกสร้างผู้คิดและผู้วิเคราะห์คนใหม่ ที่ไม่ได้เรียนในโรงเรียนเดียวกับเราแต่เรียนรู้ได้เร็วกว่าหลายล้านเท่า

โลกต่อจากนี้อาจเป็นโลกที่ AI คิด ตัดสินใจ และสร้าง คำอธิบายใหม่ของความจริงขึ้นมาเอง และนั่นอาจเปลี่ยนทุกวงการไปตลอดกาล

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ