ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยข้อมูลว่าอุตสาหกรรมไทยเกือบ 3,000 แห่งเสี่ยงเข้าข่ายสวมสิทธิ์สินค้าจีน ชี้โครงสร้างเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนจากผู้ผลิตเป็นแค่ทางผ่าน
SCB EIC เปิดเผยว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้าของไทยในช่วงปี 63-67 ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 10% สูงกว่าการเติบโตของ GDP และมูลค่าการส่งออก ส่งผลให้สัดส่วนการนำเข้าสินค้าต่อ GDP เพิ่มขึ้นสู่ 53% ณ ปี 67 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 12 ปี อีกทั้งยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ไทยเผชิญภาวะขาดดุลการค้าเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้น เป็นผลจากจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ครองส่วนแบ่งการนำเข้าสูงกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่ารวม เป็นผลจากอุตสาหกรรมสำคัญของไทย เช่น เหล็ก พลาสติก และยานยนต์ ฃพึ่งพาและกลายเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญในการระบายสินค้าส่วนเกินจากจีน เมื่อมารวมกับการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และการเพิ่มจำนวนของธุรกิจที่พึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าเป็นหลัก จึงเป็นปัจจัยเร่งให้สินค้าจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยมูลค่าการนำเข้าสินค้าของไทย ที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คาดว่าเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย
- การเร่งระบายสินค้าส่วนเกินออกจากจีน ซึ่งเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าจากจีนเข้าสู่ประเทศไทยขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 4 เท่า
- การเติบโตของธุรกิจแพลตฟอร์มข้ามชาติ กระตุ้นให้เกิดการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค แต่รายได้จากการเติบโตของธุรกิจออนไลน์เหล่านี้ไม่ได้หมุนเวียนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยอย่างเต็มที่
- การเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่พึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าเป็นหลัก ในภาคก่อสร้าง, ร้านอาหาร, ภาคบริการ รวมถึงภาคการผลิต เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เหล็ก และพลาสติก ธุรกิจเหล่านี้สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจไทยในระดับต่ำแล้ว และมีบางส่วนเข้ามาลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีจากชาติตะวันตก
สินค้านำเข้านั้นกำลังก้าวขึ้นมามีบทบาททดแทนสินค้าที่ผลิตภายในประเทศทั้งในแง่การบริโภคและการส่งออก นอกจากนี้ยังพบสัญญาณที่อาจบ่งชี้ได้ว่าธุรกิจภาคอุตสาหกรรมของไทยเกือบ 3,000 แห่ง เข้าข่ายดำเนินกิจการแบบซื้อมา-ขายไป ซึ่งบางส่วนเสี่ยงที่จะเป็นเพียงโรงงานแปรรูปเบื้องต้นหรือสวมสิทธิ์เพื่อส่งออกเท่านั้น
จากการวิเคราะห์ของ SCB EIC พบว่า
- การบริโภคภายในประเทศและภาคส่งออกของไทย มีแนวโน้มพึ่งพาสินค้าที่ผลิตในประเทศลดลงและหันไปพึ่งพาสินค้านำเข้าโดยเฉพาะจากจีนมากขึ้น ส่งผลกระทบให้ภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวได้ช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก แผงวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และชิ้นส่วน
- ธุรกิจภาคการผลิตในไทยเกือบ 3,000 แห่ง อาจกำลังดำเนินธุรกิจในลักษณะที่เน้นการซื้อมา-ขายไป หรือเป็นเพียงพ่อค้าคนกลางซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า บางส่วนเข้าข่ายกิจกรรมสวมสิทธิแหล่งกำเนิดสินค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแผงวงจร, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนยานยนต์, พลาสติก, อะลูมิเนียม และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ที่มาข่าว:
ฐานเศรษฐกิจ











