สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหารือกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าผลักดันมาตรการส่งออก พยุงไทยรับมือ-ปรับตัว

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วยคณะกรรมการ ส.อ.ท. ให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดีกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมหารือแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ณ ห้องประชุม Passion (802) ชั้น 8 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายด้านการส่งออก ทั้งจากกลไกและกฎเกณฑ์ทางการค้าที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบผู้ประกอบการโดยตรง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลต่อการผลิตและภาคการเกษตร ดังนั้น การหารือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อหาทางออกและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีหน้าที่กำกับดูแล 47 กลุ่มอุตสาหกรรม 11 คลัสเตอร์ และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ภายใต้นโยบาย ONE FTI (One Vision, One Team, One Goal) ซึ่งหมายถึงการมีวิสัยทัศน์เดียวกัน (One Vision)
การทำงานเป็นทีมเดียวกัน (One Team) และการมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน (One Goal)

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) กล่าวเสริมว่า ส.อ.ท. มีเป้าหมายสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ในหลายด้าน เช่น การบูรณาการหลักสูตรและกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับภาคเอกชน การขยายโครงการ SME Pro-active ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาด้านการตลาดและการส่งออกแบบครบวงจร

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า สินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ ยางล้อ ฮาร์ดดิสก์ ถุงมือยาง เครื่องนุ่งห่ม ผลไม้กระป๋องและแปรรูป คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เซรามิก เครื่องมือแพทย์ รองเท้าหนัง โลหะเบ็ดเตล็ด พลาสติก เครื่องปรับอากาศ อาหารทะเลกระป๋อง และเครื่องจักรกล

โดยข้อเสนอสำคัญของ ส.อ.ท. ต่อกระทรวงพาณิชย์ มีดังนี้

1. ผลักดันมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการจากผลกระทบมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff)
– สนับสนุนที่ปรึกษากฎหมายหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ขาดประสบการณ์หรือทุนทรัพย์เพียงพอ
– ผลักดันมาตรการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ เช่น ค่าธรรมเนียมใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า

2. ผลักดันการเจรจาลดภาษีรายสินค้าของสหรัฐฯ ภายใต้มาตราอื่นๆ
– โดยเฉพาะการเจรจาลดภาษีภายใต้มาตรา 232 ของสหรัฐฯ สำหรับสินค้าเหล็ก อะลูมิเนียม ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่

3. สร้างบทบาทเชิงรุกในการดำเนินมาตรการทางการค้าเพื่อลดผลกระทบ TRADE DIVERSION
– ติดตามการนำเข้าสินค้าที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือมีการทุ่มตลาดโดยไม่รอให้ภาคเอกชนยื่นเรื่องเพียงฝ่ายเดียว เพื่อให้การใช้มาตรการทางการค้ารวดเร็วและสอดคล้องกับหลักการค้าเสรีและเป็นธรรม (Free & Fair Trade)
– ใช้มาตรการทางการค้านอกเหนือจากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping : AD) ได้แก่ มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure: SG) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty : CVD) เพื่อให้การปกป้องผู้ประกอบการในประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์
– พิจารณามาตรการควบคุมการนำเข้าตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2522

4. ผลักดันการเปิดตลาดใหม่
– เร่งการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ฉบับใหม่
– สนับสนุนงบประมาณเพื่อขยายตลาดใหม่ เช่น โครงการ SME Pro-active และการจัดกิจกรรม Trade Mission (สอดคล้องกับแผน GO Global)
– สนับสนุนการเพิ่มสัดส่วนจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้กับสินค้าไทย (Made in Thailand: MiT)

5. ส่งเสริมระบบนิเวศการค้าชายแดน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค

นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ (Creative Industry and Soft Power Institute: CISPI) เสนอแนวทางสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มทางทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ได้แก่

• เชื่อมโยงองค์ความรู้ IP เช่น จัดตั้ง Creative IP Clinic ร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้คำปรึกษาและจัดอบรมผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
• ออกแบบผลิตภัณฑ์/ลวดลายสู่ IP ยั่งยืน เช่น จัดกิจกรรม Design & Pattern Bootcamp เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และลวดลาย สร้างนวัตกรรมและยื่นคุ้มครองสิทธิอย่างรวดเร็ว
• จัดตั้งกองทุนคูปองสนับสนุนการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญา (IP Audit) และค่าจดทะเบียนสิทธิ สำหรับ MSEs และ SMEs

นายจตุพร กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายข้อเสนอของ ส.อ.ท. สอดคล้องกับนโยบายที่กระทรวงพาณิชย์กำลังผลักดันอยู่แล้ว โดยจะรับเรื่องทั้งหมดไว้พิจารณาอย่างละเอียด ประสานงานอย่างใกล้ชิด และติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

ที่มาข่าว:
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย