ธนาคารชั้นนำด้านการลงทุน Goldman Sachs เตือนสถานการณ์ราคาน้ำมันพุ่งทะยาน หลังเกิดความคึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ส่งผลให้สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่านตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มพุ่งทะยานอย่างรุนแรง
จากบทวิเคราะห์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Goldman Sachs ประเมินว่า หากปริมาณน้ำมันที่ขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซลดลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 1 เดือน และยังคงลดลงราว 10% ต่อเนื่องอีก 11 เดือน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานระบุว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย. นี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี หลังสหรัฐอเมริกา เปิดฉากโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจและความมั่นคงทั่วโลกเกิดการสั่นคลอนครั้งใหญ่
นอกจากนี้ยังมีการประเมินว่า หากอิหร่านลดปริมาณส่งออกน้ำมันลงวันละ 1.75 ล้านบาร์เรล ติดต่อกันนาน 6 เดือน ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัว ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจพุ่งแตะระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนจะปรับลดลงสู่ช่วง 60 ดอลลาร์ภายในปี 2569
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์เพรสทีวีของรัฐบาลอิหร่านรายงานว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซหรือไม่ หลังจากที่รัฐสภาได้ให้การสนับสนุนมาตรการดังกล่าวแล้ว
แน่นอนว่าสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ของตวันออกกลาง เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่ได้มีเพียงในภาคเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังสร้างความกังวลใจในการนำไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขาดแคลนและผลกระทบต่อทรัพยากรที่มีอยู่เดิมนั้นอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ
ที่มาข่าว:
infoquest
