IDA Project
ดัชนีราคาส่งออก–นำเข้าไทยเดือน พ.ค. 2568 ขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการของคู่ค้าเร่งนำเข้าสินค้าก่อนสหรัฐฯ ขึ้นภาษี

ดัชนีราคาส่งออก–นำเข้าไทยเดือน พ.ค. 2568 ขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการของคู่ค้าเร่งนำเข้าสินค้าก่อนสหรัฐฯ ขึ้นภาษี

Date Post
27.06.2025
Post Views

ดัชนีราคาส่งออก–นำเข้าไทยเดือน พ.ค. 2568 ขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการของคู่ค้าเร่งนำเข้าสินค้าก่อนขึ้นภาษีสหรัฐฯ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์-อาหารแปรรูป-ทองคำมาแรง แต่ด้วยความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์จำเป็นต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้าของไทยเดือนพฤษภาคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้า เนื่องจากอยู่ในช่วงการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ประกอบกับการนำเข้าสินค้าขยายตัวต่อเนื่อง เพื่อนำมาผลิตเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์ความไม่แน่นอนในปัจจุบันยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางด้านราคาของไทยในระยะข้างหน้า

ดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้า ประจำเดือนพฤษภาคม

ดัชนีราคาส่งออก เดือนพฤษภาคม 2568 เท่ากับ 111.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย ที่ 0.4% จากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ที่กลับมาฟื้นตัว รวมถึงการส่งออกอาหารแปรรูปขยายตัวดี ขณะเดียวกันยังส่งผลให้หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้นในหมวดสินค้าอุตสาหกรรมที่ 1.6% ได้แก่ ทองคำ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ 

นอกจากนี้ตลาดโลกมีความต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อรองรับ AI และการเติบโตของธุรกิจ Data Center และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เนื่องจากอุณหภูมิและระดับความชื้นทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้น 1.4% ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเนื่องจากเป็นสินค้าที่เก็บได้นานและปลอดภัย อาหารสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารพรีเมียม และอาหารฟังก์ชัน (Functional Food) ซึ่งเป็นอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์  

มวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลงประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง 15.8% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ ตามอุปทานน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลก และความต้องการใช้ที่ชะลอตัวลง และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลง 4% ได้แก่ ข้าว เนื่องจากอุปทานข้าวโลกยังอยู่ในระดับสูง สำหรับการเผชิญกับการแข่งขันจากประเทศคู่แข่งที่มีราคาถูกกว่า อาทิ อินเดีย และเวียดนาม และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตามความต้องการจากตลาดหลัก เช่น จีนมีแนวโน้มลดลง 

ด้านดัชนีราคานำเข้า เดือนพฤษภาคม 2568 เท่ากับ 114.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.4% สาเหตุหลักเป็นผลจากผู้ผลิตในประเทศเร่งสต๊อกนำเข้าวัตถุดิบ เครื่องจักร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นล่วงหน้า (Pre-Stock) เพื่อเตรียมพร้อมก่อนมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ ทำให้ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกหมวดสินค้าประกอบไปด้วย หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค 8.5% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประเทศ และรองรับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 4.9% ในส่วนของทองคำราคาสูงขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับอุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ PCB ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในภาคการผลิตอุตสาหกรรมภายในประเทศและปุ๋ยมีทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่งผลให้หมวดสินค้าทุนสูงขึ้น 4.3% ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพื่อรองรับการผลิตสำหรับส่งออก และการขยายตัวของเทคโนโลยี AI และ Data Center 

หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งสูงขึ้น 0.8% โดยเฉพาะส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อการผลิตและประกอบรถยนต์ภายในประเทศ และส่งออก ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง หดตัวเพิ่มขึ้น 14.6% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก และคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะปรับตัวสูงเกินกว่าอุปสงค์โลก

ปัจจัยแนวโน้มดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าเดือนมิถุนายน 2568  

  • การเร่งนำเข้าสินค้าไทยจากประเทศคู่ค้า ก่อนจะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เต็มรูปแบบ จึงเกิดความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
  • สินค้าเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 
  • สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก 
  • ต้นทุนการผลิต มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น 

ปัจจัยเสี่ยงเฝ้าระวัง

  • การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค
  • ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่มเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน
  • การแข่งขันทางด้านราคามีแนวโน้มสูงขึ้น ความผันผวน
  • การแข็งค่าของค่าเงินบาท

ที่มาข่าว:
ฐานเศรษฐกิจ

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Thossathip Soonsarthorn
"Judge a man by his questions rather than his answers" Voltaire
Super Source-E-market place สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม