ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทยชี้แรงงานกัมพูชากลับประเทศ ไทยจะกระทบหนัก แนะรัฐปรับเปลี่ยนนโยบายระยะยาว 5-10 ปี ลดพึ่งพาแรงงานต่างชาติ หนุนใช้เทคโนโลยี
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ชี้ปัจจุบันแรงงานกัมพูชามีประมาณ 800,000 คน ที่อยู่ในประเทศไทย โดยเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฏหมาย 516,000 ราย ส่วนที่เหลือจะเป็นแรงงานที่ลักลอบเข้าประเทศ
โดยแรงงานกลุ่มดังกล่าวส่งเงินกลับบ้านประมาณปีละ 4.8-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่ามีมูลค่าไม่ใช่น้อย ซึ่งแรงงานดังกล่าวมาทำงานที่ไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แรงงานไทยไม่ทำ เช่น ก่อสร้าง ประมาณ 2 แสนคน รองลงมาจะอยู่ในเกษตร ประมง แพปลา ปศุสัตว์ โดยตราดจะเป็นกลุ่มประมง แพปลา ฃเป็นแรงงานที่ไม่ถูกกฏหมาย แต่แรงงานในภาคอุตสาหกรรมเท่าที่ตรวจสอบ ยังไม่มีนัยยะที่จะกลับบ้าน ซึ่งจะอยู่ในส่วนของโรงงานรองเท้า เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงเสื้อผ้า ประมงแปรรูป ซึ่งนายจ้างให้การดูแลคนเหล่านี้ไม่ให้แรงงานไทยไปกระทบกระทั่ง เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะประชาชนบริเวณชายแดน สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ พูดภาษากัมพูชาได้หมด การกระทบขณะนี้ยังไม่มีนัยยะ กลุ่มนี้ที่กลับไปก็ประมาณหลักหมื่นหรือห้าหมื่น
อย่างไรก็ดี หากถามว่าถ้ากัมพูชาเรียกแรงงานกลับไปหมด ทั้งในและนอก ไทยก็จะไม่มีแรงงานก่อสร้าง มีผลทำให้การก่อสร้างราคาสูงขึ้นมาก แม้ว่าจะนำแรงงานเมียนมาร์เข้ามาทดแทน เช่น นำมา 5 แสนคน กว่าจะตรวจสอบต้องใช้เวลานาน เข้ามาก็ต้องมีทักษะ การโบกปูน ก่ออิฐ ไม่ใช่สามารถทดแทนได้ทันที
ขณะที่แรงงานเมียนมาร์ก็เลือกงาน หากต้องตากแดด ตากฝนก็อาจจะไม่ทำหรือหากจะให้มาทำรองเท้า อาหารแปรรูป หรือประมงก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกว่า ให้นำแรงงานเมียนมาร์ หรือบังคลาเทศเข้ามาทดแทน
อนาคตหลังจากนี้จะเป็นบทเรียนของไทยในการพึ่งพาแรงงานต่างชาติมากเกินไป โดยปัจจุบันมีแรงงานต่างชาติมีประมาณ 4 ล้านคน ควรต้องมีนโยบายในการลดแรงงานเหล่านี้ ต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบายระยะยาว 5-10 ปี มีการส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยี เช่น SMEs ต้องการมีเครื่องจักร ก็อาจจะมีมาตรการลดภาษีนำเข้า ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวท (VAT) มีเงินทุนให้ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี เพื่อทำให้ใช้แรงงานคนน้อยลง ซึ่งจะทำให้ค่าจ้างสูงขึ้น และเป็นลดแรงงานต่างชาติ เพราะปัจจุบันพึ่งพามากเกินไป
หากพิจารณาในกรณีของการกระทบกระทั่งกับเมียนมาร์ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะร้ายแรงยิ่งกว่า เพราะมีแรงงานกว่า 3 ล้านคนในไทย โดยปัจจุบันต้องยอมรับว่าไทยยังต้องการเแรงงานดังกล่าวเหล่านี้ เนื่องจากไม่มีการปรับเปลี่ยน เพราะยังขายสินค้าราคาของถูก ค่าแรงจึงต้องจ่ายในราคาไม่สูงมาก และการที่มีแรงงานต่างชาติถึง 4 ล้านยังเป็นการค้ำค่าแรงขั้นต่ำให้ไม่สามารถปรับขึ้นได้ เพราะต้องปรับแรงงานทั้งฐาน ในขณะที่ยังขายของเหมือนเดิม ทำการ์เมนต์ ขายยาง ข้าวเป็นตัน ทำให้ค่าจ้างถูกกด เพราะราคาขายถูก เศรษฐกิจถึงตกต่ำ
ที่มาข่าว:
ฐานเศรษฐกิจ










