องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดเผยรายงานบ่งชี้ ขยะพลาสติกที่รั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อาจเพิ่มขึ้นเกือบ 70% ภายในปี 2593 เมื่อเทียบกับปี 2565 หากไม่มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
OECD ระบุว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเป็นเหมือน ‘แหล่งรวมของมลพิษจากพลาสติก’ โดยขยะพลาสติกที่ยังจัดการไม่ถูกวิธีเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งในปี 2565 มีขยะพลาสติกถึง 8.4 ล้านตันที่รั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อม
ผลลัพธ์ดังกล่าวถูกระบุไว้รายงานแนวโน้มพลาสติกในภูมิภาคที่ชี้ให้เห็นว่า การจัดการที่ไม่ถูกต้องและไม่ปลอดภัย เช่น การเผาหรือทิ้งขยะในที่โล่งแจ้ง ยังคงเป็นปัญหาในประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่และในจีน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท โดย OECD คาดการณ์ว่าปริมาณขยะพลาสติกที่รั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อมในภูมิภาคนี้จะสูงถึง 14.1 ล้านตันต่อปีภายในปี 2593 ซึ่งในจำนวนนี้ 5.1 ล้านตันจะไหลลงสู่แม่น้ำและทะเล ซึ่งแต่ละประเทศในภูมิภาคมีความสามารถในการจัดการขยะที่แตกต่างกันมาก และมาตรการลดการใช้พลาสติกในหลาย ๆ ประเทศก็ยังทำได้ไม่เต็มที่
การเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรและเมือง ทำให้การใช้พลาสติกใน 13 ประเทศในภูมิภาคเพิ่มขึ้นเกือบ 9 เท่า จาก 17 ล้านตันในปี 2533 เป็น 152 ล้านตันในปี 2565 โดยพลาสติกกว่าครึ่งถูกใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอายุสั้น เช่น บรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เมื่อพลาสติกกว่าครึ่งที่ใช้ในภูมิภาคนี้มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี จึงกลายเป็นขยะอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ปริมาณขยะพลาสติกในภูมิภาคเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านตันในปี 2533 เป็น 113 ล้านตันในปี 2565
รายงานยังเสริมว่า หากมีการดำเนินมาตรการที่จริงจัง เช่น การสั่งห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งและมีการเก็บภาษี จะช่วยลดการใช้พลาสติกในภูมิภาคได้ 28% เพิ่มอัตราการรีไซเคิลเป็น 54% และลดปริมาณขยะที่จัดการไม่ถูกต้องได้ถึง 97%
ล่าสุด การเจรจาเพื่อจัดทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเกี่ยวกับมลพิษจากพลาสติกได้กลับมาเดินหน้าต่อแล้วที่เมืองเจนีวา หลังจากที่การเจรจาครั้งก่อนที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปีที่แล้วต้องยุติลง เพราะหลายประเทศยังมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องมาตรการควบคุมการผลิตและการจัดการขยะพลาสติก
ที่มาข่าว:
Infoquest
