นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เผยว่า การเดินทางไปเจรจาของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกับสหรัฐฯ ใกล้เส้นตาย 9 ก.ค.นี้ ถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษี
ตลาดประเมินว่า หากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 15–20% ยังพอรับได้ แต่หากเกินระดับนี้อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งตลาดหุ้นและภาคธุรกิจได้ทันที ขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะประกาศเก็บภาษีระดับหนึ่งไว้ก่อน แล้วค่อยขยายเวลาผ่อนผันออกไปอีก 30 วัน
นอกจากนี้ นายสมบัติยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยเฉพาะกรณีนายกรัฐมนตรีถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ มีผลกระทบชัดเจนต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งอาจบั่นทอนความสามารถของรัฐบาลในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้านนายพิธีริยพล คงวาณิช นักกลยุทธ์จากบล.บัวหลวง กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตลาดหุ้นไทยกลับปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายกังวลเรื่องความเป็นไปได้ในการรัฐประหาร โดยเฉพาะหลังเกิดคลิปเสียงที่เชื่อมโยงผู้นำรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านั้นสร้างความไม่เชื่อมั่นและแรงกดดันต่อตลาดเป็นอย่างมาก
✦ มุมมองในภาคอุตสาหกรรมของทาง MM Thailand
มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะเป็น ‘ตัวชี้เป็นชี้ตาย’ สำหรับภาคการส่งออกไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตรแปรรูป หากภาษีเกิน 20% อาจทำให้ต้นทุนการค้าไทย-สหรัฐพุ่งกระฉูด ส่งผลต่อคำสั่งซื้อและกระทบแรงต่อห่วงโซ่การผลิตที่พึ่งพาตลาดส่งออก ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมควรเร่งกระจายตลาดส่งออกและเสริมภูมิคุ้มกันต้นทุน เพื่อรับมือความผันผวนจากแรงกดดันทางการเมืองและการค้าระหว่างประเทศ
ที่มาข่าว:
สำนักข่าวไทย










