โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศเก็บภาษีนำเข้าไทย 19% ลดลงจาก 36% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ซึ่งอัตราดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค
โดนัลด์ ทรัมป์ สรุปผลการจัดเก็บอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศไทยในอัตรา 19% ลดลงจากเดิมที่ประกาศไว้ที่ 36% โดยก่อนหน้านี้เวียดนามสามารถปิดดีลด้วยการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจาก 42% ลงเหลือ 20% และอินโดนีเซียจาก 32% เหลือ 19% ฟิลิปปินส์ จาก 20% เหลือ 19%
ในกรณีของอินโดนีเซียนั้นมีการแลกเปลี่ยนโดยเปิดตลาดสินค้าจากสหรัฐอเมริกาภาษี 0% ทุกชนิดพร้อมเสนอซื้อสินค้าและบริการเป็นมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบด้วยสินค้าเกษตร 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ , พลังงาน (LNG และน้ำมัน) 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเครื่องบิน Boeing 50 ลำ
ในกรณีของญี่ปุ่นนั้นสหรัฐอเมริกาประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหลือเพียง 15% โดยญี่ปุ่นเสนอเงื่อนไขลงทุนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มอีก 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยา เซมิคอนดักเตอร์ และพลังงาน พร้อมเปิดตลาดยกเลิกข้อจำกัดด้านมาตรฐานรถยนต์สหรัฐอเมริกา ที่นำเข้าญี่ปุ่น เพิ่มการนำเข้าข้าวโพด ถั่วเหลือง และสินค้าเกษตร รวมถึงสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 100 ลำแลก
ขณะที่สหรัฐอเมริกาประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าจากเกาหลีใต้ที่ 15% โดยเกาหลีใต้ตกลงที่จะลงทุน 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้โครงการที่ทรัมป์เลือก และจะซื้อก๊าซธรรมชาติเหลวและผลิตภัณฑ์พลังงานอื่น ๆ อีกมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับประเทศในอาเซียนอื่นที่ สหรัฐอเมริกาประกาศจัดเก็บภาษีซึ่งกำหนดไว้ใน ‘ภาคผนวก 1’ จะเริ่มในวันที่ 1 ส.ค. ได้แก่ บรูไน 25%, กัมพูชา 19%, อินโดนีเซีย 19%, ลาว 40%, มาเลเซีย 19%, เมียนมาร์ 40%, ฟิลิปปินส์ 19%, เวียดนาม 20% และประเทศที่ไม่ได้อยู่ในภาคผนวก 1 จะต้องเสียภาษีในอัตรา 10%
ที่มาข่าว:
ฐานเศรษฐกิจ