อากิโอะ โตโยดะ ประธานกรรมการบริหาร Toyota Motor Corporation ให้สัมภาษณ์ว่ายานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ในจำนวน 9 ล้านคันสามารถปล่อย CO2 ได้เทียบเท่ากับยานยนต์ Hybrid มากถึง 27 ล้านคัน หากพิจารณาในภาพรวม
แนวทางการประมาณการของอากิโอะนั้นเกิดขึ้นมาจากการพิจารณาทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle) ตั้งแต่ประเด็นของการได้มาซึ่งวัตถุดิบ เช่น การขุดแร่และแปรรูป Lithium-ion ซึ่งมีการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก การผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ การประกอบ ไปจนถึงพลังงานที่ใช้
หนึ่งในข้อมูลที่อากิโอะนำเสนอ คือ ตัวอย่างการพิจารณาจากการผลิต EV ในญี่ปุ่น 9 ล้านคันจะเพิ่การปลดปล่อยมลพิษ เป็นผลจากโครงข่ายไฟฟ้าที่ใช้งานนั้นยังคงต้องพึ่งพาพลังงานฟิสซิลซึ่งเป็นรูปแบบพลังงานดั้งเดิมที่บริษัท EV และผู้ที่รณรงค์การเปลี่ยนผ่านสู่ EV จำนวนมากมักมองข้ามไปในการลดคาร์บอนที่เกิดจากระบบโครงข่ายไฟฟ้า
หลังจากการให้สัมภาษณ์ของอากิโอะที่ระบุถึง EV มีการปลดปล่อยคาร์บอนมากกว่า Hybrid สูงถึง 3 เท่า ทำให้จีนออกมาตอบโต้ข้อมูลดังกล่าววด้วยการให้ตัวเลขยอดการผลิตแบตเตอรี่ Lithium-ion เพิ่มขึ้นถึง 68% พร้อมเน้นย้ำว่าเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยข้อมูลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Tsinghua ในปี 2022 พบว่า EV มีการปลดปล่อย CO2 ตลอดช่วงชีวิตน้อยกว่าถึง 20-30% ในจีน แม้กระทั่งโรงงานในประเทศที่มีการใช้พลังงานถ่านหินผสมไปด้วยก็ตาม ในขณะที่ China Automotive Technology & Research Center (CATARC) มีข้อมูลสนับสนุนว่า EV ขนาดเล็กในจีนปลดปล่อยคาร์บอนอยู่ที่ 118 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น เทียบกับยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแกาโซลูนที่ 163 กรัม ในขณะที่ระบบไฟฟ้าจีนมากกว่า 40% ในปี 2024 ไม่ได้ใช้งานพลังงานจากฟอสซิลแล้ว และคาดว่าจะเกิน 50% ในปี 2030
ที่มาข่าว:
ฐานเศรษฐกิจ
Car News China
