Dürr ได้สร้างโรงงานพ่นสีที่ออกแบบมาเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่หนึ่งในโรงงานผลิตขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่ม Volkswagen โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมือง Puebla ประเทศเม็กซิโก และได้เปิดดำเนินการในเดือนมกราคม 2025 โครงการแบบ Turnkey นี้ประกอบไปด้วยสายการพ่นสีที่เหมือนกันสองสาย ซึ่งมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษจากการใช้เครื่องจักรไฟฟ้า เช่น ระบบอบแห้งด้วยไฟฟ้า นอกจากนี้ Dürr ยังได้ติดตั้งองค์ประกอบสำคัญจากแนวคิดใหม่ ‘Paint Shop of the Future’ เช่น คลังสินค้าความสูงมาก (High-Bay Warehouse) และระบบขนส่งไร้คนขับ
ตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โรงงาน Volkswagen ที่ Puebla สามารถพ่นสีตัวถังรถยนต์ได้ 90 คันต่อชั่วโมงสำหรับรถหลายรุ่น Dürr ได้รับสัญญาในปี 2022 โรงงานพ่นสีที่มีนวัตกรรมนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการผลิตรุ่นรถเพิ่มเติมในอนาคต รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างราบรื่น ความสามารถในการปรับตัวนี้สอดคล้องกับธรรมชาติการผลิตปริมาณสูงของโรงงาน และสามารถทำได้ด้วยคลังสินค้าความสูงมากและระบบขนส่งไร้คนขับ
EcoProFleet ซอฟต์แวร์ DXQ ทำหน้าที่ควบคุม AGV (Automated Guided Vehicle) ที่พัฒนาโดยเฉพาะสำหรับโรงงานพ่นสี โดยทำงานร่วมกับคลังสินค้าความสูงมากในการจัดเรียงตัวถังล่วงหน้าและนำส่งไปยังสายงานที่ถูกต้องหรือไปรับตัวถังได้อย่างแม่นยำ การแบ่งสายการผลิตที่แข็งทื่อออกเป็นโมดูลย่อยถือเป็นหลักการสำคัญของแนวคิด ‘Paint Shop of the Future’ ซึ่งช่วยให้เวลาการผลิตสอดคล้องกับรถแต่ละคันอย่างพอดี ผลลัพธ์ก็คือช่วยลดเวลาการผลิตโดยรวมและลดการปล่อย CO2 ได้อย่างมีนัยสำคัญ
เทคโนโลยีการพ่นสีสำหรับความหลากหลายของรุ่นรถ
สายการพ่นสีทั้งสองสายมีหุ่นยนต์ซีลและพ่นสีจำนวน 170 ตัว พร้อมเทคโนโลยีการใช้งานที่สอดคล้องกับการเคลือบและการซีลสำหรับรุ่นรถ Volkswagen ที่หลากหลาย ในอนาคต รวมถึง EcoRS Clean F ซึ่งเป็นตัวอย่างชัดเจนของความพยายามจาก Dürr ในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบให้พร้อมสำหรับความหลากหลายที่เพิ่มขึ้นของรุ่นรถ เทคโนโลยีนี้ผสมผสานการทำความสะอาดที่นุ่มนวลและทั่วถึงของระบบลูกกลิ้งขนนก เข้ากับความยืดหยุ่นสูงของหุ่นยนต์ จึงเหมาะอย่างยิ่งกับสายงานที่ต้องพ่นสีตัวถังรถที่มีหลายรูปแบบและโครงสร้างซับซ้อน ขอบเขตของสัญญายังรวมถึงระบบจ่ายสีและ PVC แบบครบวงจร ตลอดจนโซลูชันซอฟต์แวร์พร้อมการประยุกต์ใช้ AI จากตระกูลผลิตภัณฑ์ DXQ ของ Dürr
การลดการปล่อย CO2 อย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยหลักในการปล่อย CO2 คือขั้นตอนการอบแห้งตัวถัง เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่ใช้พลังงานมากที่สุด การใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น ไฟฟ้าพลังงานสะอาด มาขับเคลื่อนเตาอบสามารถลดการปล่อย CO2 ของระบบทั้งหมดได้ราว 40% เมื่อเปรียบเทียบกับโรงงานพ่นสีที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ
“นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ Volkswagen เลือกระบบอบแห้งไฟฟ้า EcoInCure” อธิบายโดย Bruno Welsch, COO Automotive ของ Dürr “อีกเหตุผลคือระบบท่อลมพิเศษที่ทำความร้อนตัวถังจากด้านในออกสู่ด้านนอก เทคโนโลยีนี้ทำให้การให้ความร้อนและการทำให้เย็นมีความสม่ำเสมอมากขึ้น และสามารถเข้าถึงส่วนประกอบที่หนาของตัวถัง เช่น แผงข้างล่าง ได้โดยตรงกว่าระบบแบบดั้งเดิม ส่งผลให้เวลาในการให้ความร้อนกับตัวถังลดลง 30%”
แนวคิดแพ็กเกจไฟฟ้าสำหรับเตาอบและการบำบัดอากาศเสีย
อีกหนึ่งเสาหลักของการลด CO2 คือการเชื่อมโยงเตาอบไฟฟ้าเข้ากับระบบบำบัดอากาศเสียไฟฟ้า Dürr เป็นผู้ให้บริการรายเดียวในตลาดที่มีแนวคิดผสมผสานลักษณะนี้ โดยรวม EcoInCure เข้ากับ Oxi.X.RV ซึ่งเป็นระบบบำบัดอากาศเสียด้วยไฟฟ้าที่ใช้หลักการออกซิเดชันความร้อนแบบฟื้นคืน (RTO) โดยไม่มีเปลวไฟเปิดเหมือนระบบดั้งเดิม ดังนั้น การทำงานจึงไม่ก่อให้เกิด CO2 เพิ่มเติม ระบบนี้ยังมีประสิทธิภาพพลังงานสูง และสามารถทำงานแบบ autothermal ได้แม้มีตัวทำละลายเพียงเล็กน้อย กล่าวคือ ระบบสามารถรักษาอุณหภูมิการทำงานด้วยพลังงานที่เกิดจากการออกซิเดชันของตัวทำละลายเอง
ระบบแยก Overspray แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Dürr ยังติดตั้งระบบแยก overspray ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม EcoDryScrubber ใช้ผงหินปูนเป็นตัวประสานตามธรรมชาติเพื่อแยกละอองสี ส่วนกรอง HEPA12 ที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยดักจับอนุภาคทั้งหมดจากอากาศในกระบวนการ ผงหินปูนที่อิ่มตัวแล้วจะถูกกำจัดออกโดยอัตโนมัติผ่านระบบท่อ โดยไม่ต้องหยุดกระบวนการ ระบบแยกแบบแห้งในโรงงาน Volkswagen Puebla นี้ช่วยลดความต้องการอากาศใหม่ลงเหลือเพียง 5% และเพิ่มสัดส่วนการหมุนเวียนอากาศให้สูงสุด ส่งผลให้การใช้พลังงานในห้องพ่นสีลดลงกว่า 60% เมื่อเทียบกับระบบดักจับแบบเปียก
