IDA Project
VEGA Instrument
Green factory standard

เปิด 4 มาตรฐาน จาก Greenwashing สู่ Green Winning 

Date Post
16.07.2025
Post Views

ลองนึกภาพดูว่าคุณเป็นผู้บริหารระดับสูงที่กำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมบอร์ด วันนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ถามคำถามที่ทำให้คุณต้องหยุดคิดไปครู่หนึ่งว่า  “เรามีแผนเป็นอย่างไรในการทำให้บริษัทเรามีความเป็นกลางทางคาร์บอน และเราจะไปถึงเป้าหมาย Net Zero ได้อย่างไร?” คำถามนี้ไม่ใช่แค่แฟชั่นใหม่ของการต้อนรับกระแสสิ่งแวดล้อม แต่มันคือคำถามที่ชี้ตรงไปยังหัวใจสำคัญของการอยู่รอดในโลกธุรกิจยุคใหม่

ในยุคที่นักลงทุนทั่วโลกแห่ขนเงินไปลงทุนในบริษัทที่มีนโยบายสิ่งแวดล้อมชัดเจน ลูกค้าเริ่มเลือกซื้อสินค้าบนพื้นฐานของผลกระทบต่อโลก และภาครัฐต่างประเทศเตรียมใช้มาตรการกีดกันทางการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนสูง การเข้าใจมาตรฐาน Net Zero และ Carbon Neutrality ไม่ใช่เรื่องที่เราจะเลื่อนไปจัดการวันหลังได้อีกต่อไป

MMThailand ขอเสนอบทความที่จะนำเสนอ 4 มาตรฐาน ที่มีการพูดถึงใน MM Webinar เปิดสูตรลับ ESG และ Carbon Tech สำหรับโรงงานยุคใหม่ ทำอย่างไรให้ธุรกิจโตทันโลก? 

IWA 42:2022(E)  แนวทางที่โลกรอคอย

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกธุรกิจยุคใหม่ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่เรียกว่า ‘Net Zero Greenwashing’ หรือการอ้างความเป็นกลางทางสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ องค์กรใหญ่น้อยต่างประกาศเป้าหมาย Net Zero โดยไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าควรจะทำอะไร เมื่อไหร่ และอย่างไร จากปัญหานี้เอง ISO จึงได้ร่วมกับ UN และภาคีต่างๆ จัดทำ Net Zero Guidelines หรือ IWA 42:2022(E) ขึ้นมา

IWA 42:2022(E) คือเอกสารแนวทางที่กำหนดขึ้นโดยมีเป้าหมายชัดเจนคือการให้องค์กรทุกขนาดและทุกภาคส่วนสามารถพัฒนา Net Zero Strategy ที่มีความน่าเชื่อถือและครอบคลุมได้อย่างแท้จริง แนวทางนี้มีความพิเศษตรงที่มันได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,200 คนจาก 100 กว่าประเทศทำให้มันเป็นมาตรฐานที่สะท้อนมุมมองและความท้าทายของโลกที่หลากหลาย

สิ่งที่ทำให้ IWA 42 โดดเด่นคือการเน้นย้ำถึงหลักการ “Reduction First” หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นลำดับแรก แนวทางนี้ไม่ยอมให้องค์กรใช้ Carbon Offset เป็นทางออกหลัก แต่ต้องมีแผนการลดการปล่อยจริงๆ ก่อน โดยกำหนดให้องค์กรต้องจัดทำแผนระยะกลาง 5 ปี และต้องครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง 3 Scope โดยเฉพาะ Scope 3 ที่มักถูกมองข้าม

จุดเด่นของมาตรฐานนี้คือการให้ความสำคัญกับ Value Chain Collaboration หรือความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ดี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีเครือข่ายผู้จัดหาที่ซับซ้อน เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ หรือสิ่งทอ

SBTi Corporate Net-Zero Standard – มาตรฐานที่เข้มงวดที่สุด

Science Based Targets initiative (SBTi) ถือเป็นหนึ่งในมาตรฐานที่เข้มงวดและได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกธุรกิจ เพราะบริษัทที่ได้รับการรับรองจาก SBTi แสดงให้เห็นว่าเป้าหมาย Net Zero ของพวกเขาสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศที่ต้องการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ปัจจุบัน SBTi Corporate Net-Zero Standard อยู่ในเวอร์ชัน 1.2 และกำลังพัฒนาเวอร์ชัน 2.0 ที่จะเปิดตัวในปี 2025 มาตรฐานเดิมกำหนดให้องค์กรต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 90% และส่วนที่เหลือ 10% ต้องเป็นการกำจัดก๊าซเรือนกระจกถาวร ไม่ใช่การซื้อ Carbon Credit ทั่วไป

สิ่งที่ทำให้ SBTi แตกต่างจากมาตรฐานอื่นคือความต้องการในการจัดการ Scope 3 Emissions อย่างจริงจัง ซึ่งเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่เกิดจากห่วงโซ่อุปทาน การเดินทางของพนักงาน การขนส่งสินค้า และการใช้งานผลิตภัณฑ์ของลูกค้า สำหรับบริษัทไทยแล้ว นี่อาจเป็นความท้าทายใหญ่ เพราะต้องมีความร่วมมือจากพันธมิตรทางธุรกิจและผู้จัดหาในระบบเครือข่ายที่ซับซ้อน

ข้อดีของ SBTi คือการให้ความชัดเจนในเรื่องเวลา องค์กรต้องมีเป้าหมายระยะใกล้ (Near-term) ภายใน 5-10 ปี และเป้าหมายระยะยาว (Long-term) เพื่อบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050 นอกจากนี้ยังต้องมีการรายงานความคืบหน้าที่ตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างชัดเจน

ISO 14068-1:2023 มาตรฐานใหม่สำหรับ Carbon Neutrality

ISO 14068-1:2023 เป็นมาตรฐานสากลฉบับแรกที่เจาะจงเรื่อง Carbon Neutrality โดยเฉพาะ ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุและแสดงให้เห็นถึงความเป็นกลางทางคาร์บอนได้อย่างเป็นระบบ มาตรฐานนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานของมาตรฐาน ISO 14060 series และแทนที่ PAS 2060 ที่จะถูกยกเลิกในปี 2025

จุดเด่นของ ISO 14068-1 คือการใช้แนวคิด “Hierarchical Approach” หรือการจัดลำดับความสำคัญ โดยให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นลำดับแรก ตามด้วยการเพิ่มการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตของการดำเนินงาน และสุดท้ายจึงใช้ Carbon Offset เพื่อชดเชยส่วนที่เหลือ

สิ่งที่น่าสนใจคือ ISO 14068-1 ครอบคลุมทั้งองค์กรและผลิตภัณฑ์ ซึ่งหมายความว่าบริษัทสามารถใช้มาตรฐานนี้เพื่อรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนทั้งในระดับองค์กรโดยรวม และในระดับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เฉพาะเจาะจง การยืดหยุ่นนี้ทำให้องค์กรไทยสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมของธุรกิจได้

อีกจุดเด่นคือมาตรฐานนี้กำหนดให้ต้องมีการจัดทำ Carbon Neutrality Management Plan ที่ครอบคลุมทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว พร้อมกับระบบการติดตามและประเมินผลที่สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังต้องจัดทำรายงานที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ

มาตรฐาน Net Zero GHG Emissions ของ TGO – ตัวเลือกท้องถิ่น

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ได้พัฒนาข้อกำหนดและแนวทางการรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ขึ้น เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการให้การรับรองที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 14068-1 แต่ปรับให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย

มาตรฐาน TGO มีข้อได้เปรียบตรงที่เข้าใจสถานการณ์และความท้าทายของธุรกิจไทยได้ดีกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างอุตสาหกรรม นโยบายรัฐบาล และความพร้อมของเทคโนโลยีในประเทศ นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ เช่น เครื่องมือคำนวณ Carbon Footprint แบบฟรี การฝึกอบรมและให้คำปรึกษา และการเชื่อมโยงกับโครงการ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program)

สิ่งที่โดดเด่นของมาตรฐาน TGO คือการครอบคลุมทั้งระดับองค์กร ผลิตภัณฑ์ อีเวนต์ และบุคคล ซึ่งทำให้เหมาะสมกับองค์กรทุกขนาด ตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดเล็กไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงกับระบบการรับรอง Carbon Footprint for Organization (CFO) และ Carbon Footprint of Product (CFP) ที่มีอยู่แล้ว ทำให้องค์กรสามารถใช้ผลการประเมินที่มีอยู่เป็นฐานในการพัฒนาแผน Net Zero ได้

การเปรียบเทียบและเลือกใช้มาตรฐาน

เมื่อเราเข้าใจมาตรฐานแต่ละตัวแล้ว คำถามสำคัญคือเราจะเลือกใช้มาตรฐานใดดี? คำตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถูกหรือผิดของมาตรฐาน แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ เป้าหมายขององค์กร และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ

สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผู้ถือหุ้นเป็นนักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศ SBTi Corporate Net-Zero Standard อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะได้รับการยอมรับในระดับสากลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน แต่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายในการจัดการ Scope 3 Emissions ที่ซับซ้อน

สำหรับบริษัทขนาดกลางที่มีเป้าหมายระยะกลาง IWA 42:2022(E) อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะให้ความยืดหยุ่นในการกำหนดเป้าหมายและมีแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาแผน Net Zero ที่เป็นจริงได้

สำหรับบริษัทที่ต้องการเริ่มต้นจากความเป็นกลางทางคาร์บอนก่อนจะก้าวไปสู่ Net Zero ISO 14068-1:2023 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะถ้าต้องการความยืดหยุ่นในการรับรองทั้งระดับองค์กรและผลิตภัณฑ์

สำหรับบริษัทไทยที่ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐและความเข้าใจในบริบทท้องถิ่น มาตรฐาน Net Zero GHG Emissions ของ TGO อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการต้นทุนที่ไม่สูงมากและการสนับสนุนทางเทคนิคที่ใกล้ชิด

กลยุทธ์เริ่มต้นสำหรับองค์กรไทย

จากการวิเคราะห์มาตรฐานต่างๆ และประสบการณ์ของบริษัทไทยที่ประสบความสำเร็จ เราสามารถเสนอกลยุทธ์เริ่มต้นสำหรับองค์กรไทยดังนี้

ขั้นตอนแรกคือการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันโดยจัดทำ Carbon Footprint Assessment ให้ครอบคลุมทั้ง 3 Scope ซึ่งขณะนี้ TGO มีเครื่องมือและแพลตฟอร์มให้บริการฟรี รวมถึง SET Carbon ที่พัฒนาโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การมีข้อมูลที่แม่นยำเป็นรากฐานสำคัญของการวางแผนทั้งหมด

ขั้นตอนที่สองคือการกำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้ โดยพิจารณาจากนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมาย Carbon Neutrality ปี 2050 และ Net Zero ปี 2065 บริษัทควรกำหนดเป้าหมายระยะกลาง 5 ปี และระยะยาว 10-20 ปี ที่สอดคล้องกับทิศทางของประเทศ

ขั้นตอนที่สามคือการพัฒนาความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้โครงการ Net Zero ประสบความสำเร็จ บริษัทควรเริ่มจากพันธมิตรหลักและค่อยๆ ขยายไปยังผู้จัดหาที่เล็กกว่า พร้อมให้การสนับสนุนทางเทคนิคและการฝึกอบรม

สุดท้ายคือการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและนโยบาย ซึ่งรวมถึง Climate Change Act ที่คาดว่าจะประกาศใช้ภายในปี 2025 Carbon Tax และ Emissions Trading System ที่จะเริ่มใช้ในอนาคตอันใกล้ องค์กรที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าจะมีข้อได้เปรียบในการปรับตัวและลดต้นทุนการปฏิบัติตาม

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจและเลือกใช้มาตรฐาน Net Zero และ Carbon Neutrality อย่างเหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญที่จะช่วยให้องค์กรอยู่รอดและเติบโตได้ในอนาคต เมื่อนักลงทุนจากทั่วโลกเร่งหาบริษัทที่มีความยั่งยืน ลูกค้าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลต่างประเทศใช้มาตรการกีดกันทางการค้าสำหรับสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง องค์กรที่เตรียมพร้อมและมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนจะกลายเป็นผู้นำในการแข่งขันแทนที่จะเป็นผู้ตามในอนาคต


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
Super Source-E-market place สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม