ขอนแก่น: จุดหมายของนวัตกรรมเปลี่ยนขยะสู่ Rare Item
ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “ขยะ” สามารถถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างน่าทึ่งและสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกได้ รายการอุตสาหธรรมได้บินไปถึงจังหวัดขอนแก่น เพื่อสำรวจเบื้องหลังของการผลิตพรมที่ทำมาจาก ขวด PET หรือขวดพลาสติกที่ใช้แล้ว 100% นี่ไม่ใช่แค่การรีไซเคิลธรรมดา แต่เป็นกระบวนการ Upcycling ที่นำขยะกลับมาใช้ใหม่ พร้อมทั้งใส่เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณสมบัติให้ดีกว่าเดิม ผลิตภัณฑ์ที่ออกมานั้นมีความสวยงาม ดูหรูหรา (ไฮโซ) และสามารถก้าวเข้าสู่โลกของแฟชั่นชั้นสูงได้ พรมเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับการออกแบบและโครงสร้างที่ต้องการ
ผู้ที่ได้สัมผัสพรมที่มาจากขวดพลาสติกอาจแทบดูไม่ออกเลยว่ามันเคยเป็นขยะมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์สิ่งทอรีไซเคิลอื่น ๆ ที่บางครั้งอาจรู้สึกว่าไม่นุ่มหรือไม่มีความเงางาม แต่เส้นใยพลาสติกรีไซเคิลเหล่านี้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นผ้าที่นุ่มมาก และน่าใช้อย่างยิ่ง
เบื้องหลังกระบวนการผลิต: ศิลปะที่เกิดจากความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์
การผลิตพรมที่มีคุณภาพสูงนี้ประกอบด้วยหลายขั้นตอนที่ต้องอาศัยทั้งงานฝีมือและเทคโนโลยีสมัยใหม่
1. การเตรียมเส้นด้ายและการย้อมสีที่ซับซ้อน
กระบวนการเริ่มต้นจากการนำเส้นด้ายที่เหลือจากการผลิตหรือเส้นใยสีขาว โรงงานมีการจัดการวัตถุดิบอย่างเป็นระบบ โดยมีการเก็บเส้นไหมที่เหลือจากการผลิตเพื่อนำมาสร้างคุณค่าใหม่และให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Second Life) วัตถุดิบที่ใช้ทำพรมมีความหลากหลายถึงกว่า 20 ชนิด เช่น ขนแกะ, ใยสังเคราะห์, ฝ้าย, ลินิน, และป่าน เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการออกแบบของ Interior Designer
เส้นด้ายที่ได้จะถูกนำมา ย้อมสี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างลวดลาย โรงย้อมต้องมีหม้อย้อมหลายขนาด (ถึง 20-30 ขนาด) เพื่อบริหารจัดการปริมาณเส้นด้ายตามสีที่ต้องการใช้ในแต่ละตำแหน่งของพรมแต่ละโครงการ เพราะงานทั้งหมดเป็นการ Customize 100% ไม่ได้ทำเพื่อสต็อก พรมที่มีการดีไซน์ซับซ้อนมาก ๆ อาจต้องใช้สีมากถึง 70-80 สี การนำสีหลาย ๆ สีมาประกอบกันจะทำให้พรมมีความสวยงามคล้ายกับการประสานเสียงของวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีหลายชิ้น
ก่อนการย้อมจริง จะต้องมีการเตรียมงานและหา สูตรสีที่เหมาะสม ในห้องแล็บอย่างเข้มงวด โดยมีการใช้เครื่อง Spectrophotometer ช่วยคำนวณสูตรแม่สีและเปอร์เซ็นต์ที่ต้องใช้ เนื่องจากเส้นใยเป็นวัตถุธรรมชาติ (เช่น ขนแกะ) ในแต่ละล็อตก็อาจมีความแตกต่างกัน ทำให้ต้องมีการทำ Lab สีและหา Pre-Lab เพื่อให้การย้อมมีความแม่นยำ นอกจากนี้ ข้อมูลสี (Database) ที่เคยทำไว้ยังถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถผลิตซ้ำตามคำสั่งซื้อเดิม (Repeat Order) ได้อย่างแม่นยำ
2. การทอและการสร้างมิติของลวดลาย
เส้นด้ายที่ย้อมสีแล้วจะถูกนำเข้าสู่โรงทอ ขั้นตอนที่น่าสนใจคือการ ขึ้นลาย บนจอผ้าใบ ซึ่งเป็นการเตรียมแผนที่ (MAP) สำหรับช่างทอ ในการสร้างลวดลายที่ซับซ้อน เช่น ลายดอกไม้ที่ต่อเนื่องกัน (Flow) หรือลายกราฟิก ช่างทอจะอ่านแผนที่สีและใช้เครื่องมือทอ จากด้านหลังของพรม ความละเอียดของลวดลาย ดอกไม้ หรือเฉดสีที่ต่อเนื่องนั้นต้องใช้ทักษะฝีมือสูงในการควบคุมเส้นด้ายทีละเส้นทีละจุด พรมที่ผลิตที่นี่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถทำได้ทั้งขนาดใหญ่ระดับสนามฟุตบอล (ซึ่งเคยต้องเลื่อนจอถึง 19 ครั้งในการทอ) และรูปทรงพิเศษที่มีองศาโค้งมน (Curve) ที่ซับซ้อนมาก
3. การตกแต่งขั้นสุดท้ายและการใส่คุณสมบัติพิเศษ
หลังจากทอเสร็จ พรมจะเข้าสู่ขั้นตอน Back Coating ซึ่งเป็นการเคลือบด้านหลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรง และที่สำคัญคือการ เพิ่มคุณสมบัติพิเศษ ที่แผนกนี้ เช่น การป้องกันไฟ การป้องกันการเกิดควันพิษเมื่อถูกเผา ซึ่งเป็นคุณสมบัติจำเป็นสำหรับพรมที่ใช้กับเครื่องบินหรือเรือ สูตรโค้ตติ้งเหล่านี้เป็นสูตรเฉพาะที่พัฒนาโดยทีม R&D ของบริษัทมาเป็นเวลานาน
สุดท้ายคือขั้นตอน Finishing หรือการเก็บรายละเอียด โดยช่างฝีมือจะใช้เครื่องมือหลากหลายในการตกแต่ง ตัด แกะลาย และสร้างมิติความอ่อนช้อยของพรม ความชำนาญของช่างเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากช่างบางคนมีอายุงานถึง 40 ปี และแม้แต่ขั้นตอนสุดท้ายก็ยังต้องอาศัยทักษะฝีมือมนุษย์ในการเก็บรายละเอียดที่เป็นศิลปะ
การพัฒนาสินค้า: การแก้ Pain Point ด้วยเทคโนโลยีฆ่าเชื้อ
นวัตกรรมของพรมที่นี่มุ่งเน้นการแก้ Pain Point ของผู้บริโภคเกี่ยวกับพรมโดยตรง
- ความทนทานต่อสภาพอากาศ: มีพรมรุ่น Alfest ซึ่งเป็นพรมสำหรับภายนอกอาคาร (Outdoor) ที่สามารถทนแดด ทนฝน ทำความสะอาดง่ายด้วยการฉีดน้ำล้าง และกำลังขายดีมากในตลาดยุโรป
- การป้องกันเชื้อโรค: โรงงานได้พัฒนาเทคโนโลยี Kiwvira โดยการฝัง ไอออนของสังกะสี (Zinc Ion) ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค ลงไปในเนื้อพรม พรมนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคและแบคทีเรียเติบโตได้
- การป้องกันไรฝุ่น: เนื่องจากไรฝุ่นกินแบคทีเรียเป็นอาหาร เมื่อพรมกำจัดแบคทีเรียได้ ก็จะตัดห่วงโซ่อาหารของไรฝุ่น ทำให้พรมไม่มีไรฝุ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของโรคภูมิแพ้ เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ได้กับทั้งเส้นใยธรรมชาติ (เช่น ฝ้าย, ขนแกะ) และเส้นใย Upcycling
การสร้างงานคุณภาพและความยั่งยืน: ฝีมือคนอีสานสู่ตลาดโลก
โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ขอนแก่น โดยมีแรงบันดาลใจจากการต้องการให้คนในต่างจังหวัดมีงานทำที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่ใกล้บ้าน ไม่จำเป็นต้องย้ายเข้าเมืองใหญ่ ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 600 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยและเป็นคนอีสานกว่า 90% อายุงานเฉลี่ยของช่างที่นี่สูงถึงเกือบ 20 ปี แม้ว่างานทอจะเป็นงานที่ซับซ้อน แต่พนักงานทุกคนได้รับการฝึกฝนหลักสูตรเฉพาะทางประมาณ 6 เดือน ซึ่งการลงทุนด้านบุคลากรนี้ทำให้พนักงานสามารถสร้างผลงานที่มีคุณภาพสูงระดับโลกได้
นอกจากนี้ โรงงานยังใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง มีการจัดการน้ำเสียในระบบปิดและใช้ระบบระเหยน้ำตามธรรมชาติ (Evaporation) โดยไม่ต้องใช้สารเคมีเข้ามาบำบัด ทำให้ไม่มีน้ำออกไปรบกวนภายนอกและไม่มีกลิ่น โรงงานได้รับการรับรอง Global Recycle Standard (GRS) ซึ่งเป็นกติกาโลกว่าด้วยเรื่องการรีไซเคิลและสิ่งแวดล้อม ซึ่งการมีใบรับรองนี้ช่วยยืนยันความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจกับลูกค้าระดับโลกได้ การผลิตของโรงงานนี้เป็นการตอกย้ำว่าสินค้าไทยสามารถเป็นสินค้าที่ทั้ง รักโลก ขายได้ราคาดี มีมูลค่าเพิ่ม และเป็นฝีมือของช่างไทยเองSource : อุตสา หาทำ ตอนที่ 16 “พรมจากเส้นใยพลาสติก นวัตกรรมคนไทย หนึ่งเดียวในโลก”











