วิศวกรจากมหาวิทยาลัย RMIT ได้พัฒนาการพิมพ์ 3 มิติแบบใหม่สำหรับไทเทเนียมขึ้นมาซึ่งผลลัพธ์ คือ ต้นทุนที่ต่ำกว่าไทเทเนียมในท้องตลาดกว่า 1 ใน 3
RMIT ได้ยื่นจัดสิทธิบัตรใหม่ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอากาศยานและการแพทย์ที่มีต้นทุนต่ำกว่าในตลาดยุคปัจจุบัน ด้วยการวิจัยที่ทำให้เกิดไทเทเนียมที่มีความแข็งแรงและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไทเทเนียม (Ti+6Al-4V) ที่ผลิตด้วยการเติมเนื้อวัสดุตามมาตรฐานที่มีในตลาด ซึ่งการผลิตในรูปแบบนี้จะใช้เวลารวดเร็วกว่า มีของเสียน้อยกว่า
วัตถุดิบไทเทเนียมแบบใหม่นี้จะเป็นการท้าทายขอบเขตของความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการออกแบบใช้งานวัสดุอัลลอย ซึ่งถือเป็นย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดเป็น Framework ที่ทำให้คาดการณ์การเกิด Grain จากการพิมพ์โลหะอัลลอยสำหรับการเติมเนื้อวัสดุได้ โดยหนึ่งในผลลัพธ์อันโดดเด่น คือ การลดต้นทุนในการผลิตลงได้ 29% หากเปรียบเทียบกับการผลิตไทเทเนียมแบบมาตรฐาน
หากใช้ Framework ที่เกิดขึ้นนี้ การพิมพ์โลหะที่เกิดขึ้นจะมีความราบเรียบเท่ากัน หลีกเลี่ยงการเกิดรูปทรงเหลี่ยมๆ ที่มักเกิดจากการพิมพ์ในระดับโครงสร้างไมโครได้ ส่งความไม่ราบเรียบนี้ยังส่งผลถึงคุณสมบัติทางวิศวกรรมอีกการพิมพ์ชิ้นงานอัลลอยบางชนิดอีกด้วย
การแก้ปัญหาพิมพ์โลหะแล้วมีเหลี่ยมที่ไม่ต้องการเกิดขึ้น ทำให้แก้ปัญหาความท้าทายสำคัญที่เป็นกำแพงในการใช้งานการพิมพ์ 3 มิติที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้จะเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถนำอัลลอยชนิดใหม่เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ก้าวเล็กๆ อีกต่อไป แต่จะเป็นการกระโดดครั้งใหญ่ที่ตามมา เพราะผลลัพธ์ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงเฉพาะในด้าน Grain ของโครงสร้างที่ได้ แต่ยังสามารถลดต้นทุนและเสริมความแข็งแรงอีกด้วย
ที่มา:
RMIT Australia
