CEO ของ OpenAI ซึ่งเป็นผู้สร้าง ChatGPT ชาตบอตอันดับหนึ่งของโลก เพิ่งออกมาแสดงความกังวลต่อ “ทฤษฎีอินเทอร์เน็ตตาย” หรือ Dead Internet Theory ที่อาจกลายเป็นจริงในอีก 3 ปีข้างหน้า หลังพบเห็นบอทและ AI สร้างเนื้อหาทั่วอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทฤษฎีอินเทอร์เน็ตตายคืออะไร
ทฤษฎีอินเทอร์เน็ตตายเป็นแนวคิดที่เสนอว่าอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันถูกครอบงำโดยบอท AI และเนื้อหาที่สร้างขึ้นด้วยอัลกอริทึม มากกว่าการสร้างสรรค์ของมนุษย์จริง ทฤษฎีนี้แบ่งออกเป็นสองประเด็นหลัก ได้แก่ การแทนที่กิจกรรมของมนุษย์ด้วยบอทและการจัดการเนื้อหาด้วยอัลกอริทึม และการควบคุมที่มีการประสานงาน ซึ่งอาจมีรัฐบาลและบรรษัทขนาดใหญ่เป็นผู้กำหนดเนื้อหา
การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของ Sam Altman
ในโพสต์บน X (เดิมคือ Twitter) เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 Sam Altman เขียนว่า “I never took the dead internet theory that seriously but it seems like there are really a lot of LLM-run Twitter accounts now” ซึ่งแปลว่า “ผมไม่เคยเอาทฤษฎีอินเทอร์เน็ตตายเข้าใจจริงจัง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มีบัญชี Twitter ที่ใช้ LLM มากจริงๆ”
ความคิดเห็นของ Altman กลายเป็นไวรัลและก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้งาน หลายคนชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งในตัวตนของเขา เนื่องจาก OpenAI และ ChatGPT ที่เขาพัฒนาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาดของเนื้อหา AI ทั่วอินเทอร์เน็ต
ข้อมูลสถิติที่น่าตกใจ
การวิจัยล่าสุดเผยข้อมูลที่สนับสนุนความกังวลของ Altman อย่างชัดเจน บริษัทไซเบอร์ซีคิวริตี Imperva เปิดเผยในรายงาน “Bad Bot” ประจำปี 2024 ว่า บอทและ AI สร้างทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตถึง 51% ในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 42.35% ในปี 2021 และกลายเป็น 49.6% ในปี 2023
การศึกษาของ Ahrefs ในเดือนเมษายน 2025 วิเคราะห์เว็บเพจใหม่ 900,000 หน้าพบว่า 74.2% ของเนื้อหาใหม่มี AI เป็นส่วนประกอบ โดยแบ่งเป็น 2.5% เป็น AI ล้วนๆ 25.8% เป็นมนุษย์ล้วนๆ และ 71.7% เป็นการผสมผสานระหว่าง AI และมนุษย์
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเนื้อหา
การเติบโตของเนื้อหา AI ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน สำนักพิมพ์ชั้นนำหลายแห่งได้ปลดพนักงานและใช้ AI ทดแทน การศึกษาจาก Pew Research Center พบว่า 38% ของเว็บไซต์ที่สร้างโดยมนุษย์ในปี 2014 หายไปแล้ว เนื่องจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “link rot”
นักการตลาด 87% รายงานว่าใช้ AI ในการสร้างหรือช่วยสร้างเนื้อหา ขณะที่ 85% ของนักการตลาดเชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงการสร้างเนื้อหาในปี 2024 AI ช่วยประหยัดเวลาการทำงานของนักการตลาดเฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อเนื้อหาหนึ่งชิ้นงาน และ 2.5 ชั่วโมงต่อวัน
ความกังวลด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือ
การศึกษาจาก AWS ในปีที่แล้วพบว่า 57% ของเนื้อหาที่เผยแพร่ออนไลน์เป็น AI หรือแปลด้วย AI ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อคุณภาพผลการค้นหา Google AI Overviews ซึ่งใช้ AI สรุปข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้สร้างความวิตกกังวลเมื่อให้คำแนะนำที่อันตราย เช่น การแนะนำให้กินก้อนหิน กาว หรือแม้กระทั่งฆ่าตัวตาย
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการฝึกโมเดล AI ด้วยข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเองจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ “model collapse” หรือการล่มสลายของโมเดล ตามการศึกษาที่เผยแพร่ใน Nature ในปี 2024
อนาคตของอินเทอร์เน็ต
ผู้เชี่ยวชาญ AI Nina Schick คาดการณ์ว่า 90% ของเนื้อหาออนไลน์จะถูกสร้างโดย AI ภายในปี 2025 การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจาก AI ถูกรวมเข้าไปในเครื่องมือต่างๆ เช่น Google Docs Gmail และ LinkedIn ทำให้การหลีกเลี่ยงการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาเป็นเรื่องยาก
Jack Dorsey อดีต CEO ของ Twitter เตือนในปี 2024 ว่า “จะเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกได้ว่าอะไรเป็นของจริงจากของปลอม เนื่องจากวิธีการสร้างภาพ deep fake และวิดีโอ” เขาแนะนำให้ผู้ใช้ระมัดระวังมากขึ้นและสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเองเพื่อยืนยันความแท้จริง
ความขัดแย้งของ Altman
การแสดงความกังวลของ Altman เกี่ยวกับทฤษฎีอินเทอร์เน็ตตายสร้างความขัดแย้งเชิงเหตุผล เนื่องจาก ChatGPT ซึ่งเป็นผลงานของเขามี 700 ล้านผู้ใช้งานรายสัปดาห์ทั่วโลก และ OpenAI มีรายได้ประจำปี 12 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 จากการให้บริการ AI
ผู้ใช้งานในโซเชียลมีเดียตอบสนองต่อข้อความของ Altman ด้วยการเลียนแบบสไตล์การเขียนของ ChatGPT และมีมต่างๆ ที่เน้นย้ำถึงความขัดแย้งนี้ โดยชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่เขาเองกำลังกังวล
การเตือนของ Sam Altman เกี่ยวกับทฤษฎีอินเทอร์เน็ตตายสะท้อนความเป็นจริงที่น่าใส่ใจ ในขณะที่ AI และบอทเริ่มครอบงำพื้นที่ดิจิทัลมากขึ้น ทำให้อินเทอร์เน็ตที่เคยเป็นพื้นที่สำหรับการสื่อสารของมนุษย์อาจกลายเป็นโลกของเครื่องจักรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การท้าทายนี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาคุณภาพและความน่าเชื่อถือของข้อมูลออนไลน์
Source : nevtis , ndtv










