VEGA Instrument
thai sugar industry bio economy

อุตสาหกรรมน้ำตาลไทย มากกว่าความหวาน สู่ Bio Economy ครบวงจร

Date Post
15.10.2025
Post Views

‘อ้อย’ พืชเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ระดับโลก

อ้อยนับเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย ที่สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรนับแสนคน นอกจากอ้อยจะเป็นวัตถุดิบหลักในการป้อนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยที่มีอยู่ 57 แห่งทั่วประเทศ และส่งมอบความหวานให้กับผู้บริโภคทั่วไป สิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งคือ ปัจจุบันประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็น ผู้ส่งออกน้ำตาลอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก เป็นรองเพียงแค่ประเทศบราซิลและอินเดียเท่านั้น อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือแบบครบวงจร ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ไปจนถึงกระบวนการผลิตน้ำตาล และการนำของเสียไปสร้างมูลค่าเพิ่ม

‘จากไร่สู่ผลึก’ เบื้องหลังกระบวนการผลิตน้ำตาล

กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายเริ่มต้นจากการรับอ้อยจากชาวไร่อ้อยเข้ามาสู่โรงงาน จุดแรกคือการหีบสกัดหรือการคั้นน้ำ เพื่อแยกน้ำอ้อยออกมาจากลำอ้อย น้ำอ้อยที่ได้จะเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายต่อไป

หลังจากได้น้ำอ้อยแล้ว กระบวนการถัดมาคือการทำให้น้ำตาลตกผลึก โดยน้ำเชื่อมจะถูกนำไปเคี่ยวในหม้อเคี่ยวเพื่อให้น้ำตาลงวดและเริ่มเข้าเป็นเม็ด เมื่อได้เม็ดน้ำตาลแล้ว ก็ต้องนำไปผ่านกระบวนการปั่นแยก การปั่นนี้ใช้แรงเหวี่ยงคล้ายเครื่องซักผ้าเพื่อสลัดเอาน้ำที่เคลือบออกไป โดยเหลือไว้เพียงผลึกน้ำตาลที่อยู่ข้างใน น้ำตาลแรกที่ได้ออกมาจากน้ำอ้อยจะถูกเรียกว่า น้ำตาลทรายดิบ หากเป็นน้ำตาลทรายดิบ ส่วนใหญ่มักจะส่งออกไปยังต่างประเทศที่ไม่มีการปลูกอ้อย เพื่อให้เขานำไปผลิตเป็นน้ำตาลทรายขาวต่อไป

สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่เราบริโภคกันโดยตรงนั้น จะต้องนำน้ำตาลทรายดิบมาเข้าสู่กระบวนการผลิต โดยผ่านห้องควบคุมแบบออโตเมชัน เพื่อเอาค่าสีหรือกากน้ำตาล (Molasses) ที่เคลือบอยู่รอบผลึกออกไป เพื่อให้ได้ผลึกใสสีขาว น้ำตาลทรายดิบจะมีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างจากน้ำตาลทรายขาวทั่วไป คือมีกลิ่นหอมและกลมกล่อมกว่า คล้ายคาราเมล หลังจากปั่นแยกแล้ว น้ำตาลจะเข้าสู่กระบวนการอบ (Drying) ด้วยเครื่องลำเลียงแบบสั่น (Vibration Conveyer) เพื่อไล่ความชื้นออกให้หมด ก่อนที่จะเข้าสู่ห้องบรรจุเพื่อเพิ่มอายุการเก็บรักษา

การสร้างมูลค่าเพิ่ม จาก “ของเหลือ” สู่ผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต

จุดเด่นสำคัญของอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยคือการบริหารจัดการของเสียหรือกากอย่างมีประสิทธิภาพ จนอาจกล่าวได้ว่า ไม่มีของเสียเหลือทิ้งเลย โดยของเสียหลักแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่:

  • กากอ้อย (Bagasse) หรือชานอ้อย: คือส่วนของลำต้นอ้อยที่คั้นน้ำออกไปแล้ว ส่วนนี้จะถูกส่งไปให้โรงงานเยื่อกระดาษเพื่อผลิตเป็นเยื่อกระดาษจากชานอ้อย ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นบรรจุภัณฑ์จากเยื่อกระดาษชานอ้อยได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย โครงการล่าสุดคือการนำเยื่อกระดาษจากชานอ้อย 100% มาผลิตเป็นหลอดกระดาษที่แข็งแรง และเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็น Food Grade ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
  • กากตะกอน: คือของแข็งที่เกิดจากกระบวนการผลิต เช่น ดินโคลนที่ถูกกรองออกจากน้ำอ้อย ส่วนนี้จะถูกนำไปใช้ผลิตเป็นปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ หรือวัสดุปรับปรุงดิน ซึ่งจะถูกนำกลับไปใช้ในการปลูกอ้อยของชาวไร่อ้อยต่อไป
  • กากน้ำตาล (Molasses): คือน้ำอ้อยที่เข้มข้นจนไม่สามารถทำให้น้ำตาลตกผลึกเป็นเม็ดได้อีก ซึ่งยังมีน้ำตาลหลงเหลืออยู่ ส่วนนี้จะถูกส่งไปให้โรงงานเอทานอล เพื่อหมักและผลิตเป็นแอลกอฮอล์สำหรับหลายเกรด ทั้งเกรดเชื้อเพลิง (เติมในรถยนต์) เกรดอุตสาหกรรม และเกรดทางการแพทย์ (เช่น เจลล้างมือ)

นอกจากนี้ แม้แต่ น้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอล ก็ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะนำเข้าสู่บ่อบำบัดชีวภาพ ซึ่งจุลินทรีย์จะย่อยสลายอินทรียวัตถุและทำให้เกิด ก๊าซมีเทน ก๊าซมีเทนนี้จะถูกดึงกลับไปใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงงานเอทานอลในการผลิตต่อไป กลายเป็นพลังงานหมุนเวียน

นครสวรรค์ ไบโอ คอมเพล็กซ์ และความท้าทายในอนาคต

เพื่อต่อยอดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ครบวงจรยิ่งขึ้น กลุ่มอุตสาหกรรมได้ริเริ่มโครงการ นครสวรรค์ ไบโอ คอมเพล็กซ์ (NSBC) ซึ่งเป็นไบโอคอมเพล็กซ์ของอุตสาหกรรมอ้อยที่ครบวงจรที่สุดแห่งแรกของประเทศไทย โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำอ้อยส่วนเกินมาทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตน้ำตาล ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นได้เนื่องจากการแก้ไขข้อจำกัดทางกฎหมาย เนื่องจากเดิมพระราชบัญญัติอ้อยได้ระบุไว้ว่าอ้อยต้องนำไปทำน้ำตาลเท่านั้น เฟสแรกของโครงการจะเน้นการนำน้ำอ้อยมาทำเป็นเอทานอล และเฟสที่สองจะเป็นพื้นที่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นไป

Key Takeaway

แม้ว่าอุตสาหกรรมจะก้าวหน้าไปมาก แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลัก 2 ประการ:

  • สภาพอากาศที่แปรปรวน (Extreme V): ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของอ้อยอย่างมาก เพราะอ้อยเป็นพืชที่ต้องการน้ำและแสงแดดในการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาฝนที่ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้ปริมาณอ้อยอาจน้อยลง
  • การสืบทอดการปลูกอ้อย: ความท้าทายอีกประการคือการดึงดูดให้ลูกหลานของชาวไร่อ้อยเข้ามาทำเกษตรกรรมต่อ โรงงานจึงต้องพยายามปรับมุมมองต่อภาคการเกษตร โดยการนำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ (เช่น โดรน รถแทรกเตอร์) เข้ามาช่วยสนับสนุนการผลิต เพื่อให้คนรุ่นใหม่เห็นว่าเกษตรกรรมเป็นธุรกิจที่มีอนาคต

Industrial Key Success

กลุ่มผู้ประกอบการตระหนักดีว่า เพื่อให้มั่นคงและเติบโตไปพร้อมกันได้ จึงต้องปฏิบัติกับชาวไร่อ้อยเสมือนเป็น “คู่ชีวิต” โดยมีนโยบายสำคัญที่ว่า “ชาวไร่อ้อยมั่งคั่ง กลุ่ม [โรงงาน] มั่นคง” โรงงานต้องเข้าไปช่วยในการพัฒนาสายพันธุ์อ้อยให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสภาพอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าชาวไร่จะได้ผลผลิตที่ดี นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาดไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความหวาน แต่ยังรวมถึงการตอบสนองความต้องการเฉพาะเจาะจงของลูกค้า เช่น น้ำตาลที่ละลายเร็ว หรือน้ำตาลที่มีเม็ดขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่างในการบริโภค


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Teera Kittiteerapornchai
Data is head. Content is heart. My mission is to create the 'Intelligent Industrial Media Platform' which is powered by Data x Contents. Teera Kittiteerapornchai Contents Director & CEO of GREENWORLD
ลงทะเบียนร่วมงาน Automation Expo