IDA Project
VEGA Instrument
un high seas treaty 2026

สนธิสัญญา ‘น่านน้ำสากล’ ของสหประชาชาติพร้อมเป็นกฎหมายโลกปี 2026

Date Post
01.10.2025
Post Views

มหาสมุทรนอกเขตควบคุมของแต่ละประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “น่านน้ำสากล” หรือมหาสมุทรนอกเขตอำนาจรัฐ(High Seas Treaty) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่าสองในสามของมหาสมุทรโลก กำลังจะมีเกราะคุ้มครองทางกฎหมายครั้งสำคัญ 

หลังจากที่สนธิสัญญาน่านน้ำสากลของสหประชาชาติได้รับสัตยาบันจาก 60 ประเทศ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 มกราคม 2026 นับเป็นก้าวยิ่งใหญ่บนเส้นทางการดูแลสิ่งแวดล้อมระดับโลก

*สัตยาบัน” หมายถึง การให้การรับรองอย่างเป็นทางการและมีผลผูกพันทางกฏหมาย

โลกหันกลับมาปกป้องมหาสมุทรร่วมกัน

การเดินทางของสนธิสัญญาฉบับนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หลังใช้เวลากว่า 20 ปีในการเจรจาระหว่างประเทศต่าง ๆ กว่าจะได้ข้อสรุป โดยข้อตกลงอย่างเป็นทางการมีชื่อว่า “Agreement under the United Nations Convention on the Law of the Sea on the Conservation and Sustainable Use of Marine Biological Diversity of Areas beyond National Jurisdiction” หรือ BBNJ หน้าที่สำคัญคือสร้างกลไกระดับโลกเพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพในทะเลอย่างยั่งยืน

เลขาธิการสหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส ขานรับเหตุการณ์สำคัญนี้ว่า “นี่คือความสำเร็จทางประวัติศาสตร์ต่อมหาสมุทรและพหุภาคี” พร้อมเน้นว่า ความร่วมมือของประเทศต่าง ๆ คือคำตอบต่อวิกฤตสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลพิษทางทะเล

สนธิสัญญาที่มีผลประโยชน์ระดับโลก

BBNJ Agreement ไม่ได้เป็นเพียงข้อตกลงเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือทางกฎหมายฉบับแรกที่กำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกันในการสร้างเขตคุ้มครองทางทะเล (Marine Protected Areas: MPAs) ในพื้นที่นอกเขตอำนาจของรัฐ และกำหนดให้มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับกิจกรรมของมนุษย์ ส่งเสริมการแบ่งปันผลประโยชน์ทางพันธุกรรมทางทะเลอย่างเป็นธรรม รวมถึงยกระดับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา

นอกจากนั้น ข้อตกลงนี้ยังเป็นหนึ่งในกลไกหลักที่จะช่วยให้เป้าหมายการอนุรักษ์ ‘30 by 30’ หรือการคุ้มครองพื้นที่บกและทะเลไม่ต่ำกว่า 30% ของโลกภายในปี 2030 เป็นจริงขึ้นมา ตามกรอบอนุสัญญาคุนหมิง-มอนทรีออล(Kunming–Montreal Global Biodiversity Framework, 2022)ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ

เปลี่ยนข้อตกลงสู่นโยบายที่จับต้องได้

แม้การได้รับสัตยาบันครบ 60 ประเทศ คือเส้นชัยระยะสั้นของข้อตกลงนี้ แต่นักกิจกรรมและผู้เชี่ยวชาญยังเน้นว่าความท้าทายที่แท้จริงอยู่ที่การนำข้อตกลงไปปฏิบัติให้เกิดผลจริงในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถาบัน กำหนดกติกา หรือสนับสนุนประเทศที่ยังขาดศักยภาพ โดยคาดว่าภายในหนึ่งปีหลังสนธิสัญญามีผล จะมีการจัดประชุม Conference of Parties (CoP) ชุดแรกเพื่อขับเคลื่อนกลไกระดับสากล

ผู้นำและนักสิ่งแวดล้อมจากหลายภาคส่วนยังเน้นว่าการเข้าร่วมข้อตกลงโดยประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างทั่วถึงจะยิ่งส่งเสริมความสำเร็จ และหวังว่าจะมีประเทศเข้าร่วมเพิ่มขึ้นโดยไม่รอช้า พร้อมย้ำว่าการคุ้มครองสุภาพของมหาสมุทรคือการปกป้องชีวิตของมนุษยชาติเอง

มุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนของมหาสมุทรโลก

ช่วงเวลานี้จึงเป็นสิ่งยืนยันว่าความร่วมมือพหุภาคีในเวทีโลกยังมีพลังและประสิทธิภาพ เอกภาพระหว่างรัฐสมาชิกสหประชาชาติครั้งนี้จะช่วยต่อยอดให้มหาสมุทรโลกมีภูมิคุ้มกันและสมดุลต่อความเปลี่ยนแปลงในอนาคต โลกได้ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการจัดการทรัพยากรทางทะเลด้วยกฎหมายระหว่างประเทศและเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น


แหล่งข้อมูล: ข่าวสหประชาชาติ (news.un.org), High Seas Alliance, Plymouth Marine Laboratory, PGA Action, Deeper Blue, Safety4Sea, IUCN, Le Monde

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
Super Source-E-market place สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม