Monday, March 20Modern Manufacturing
×

3 เทรนด์ที่ต้องจับตามองของระบบอัตโนมัติปี 2023

3 เทรนด์ที่ต้องจับตามองของระบบอัตโนมัติปี 2023

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระบบอัตโนมัติได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในภาคอุตสาหกรรมไปแล้วอย่างแนบแน่น หลายบริษัทต่างก็นำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาปรับใช้ในโรงงานเพิ่มขึ้นทุกวัน หากธุรกิจใดต้องการจะก้าวหน้า ก็ต้องมีการติดตามเทรนด์ของระบบเหล่านี้อยู่เสมอ

3 เทรนด์ที่ต้องจับตามองของระบบอัตโนมัติปี 2023

ในโอกาสที่ปีใหม่พึ่งผ่านพ้นไปไม่นาน Modern Manufacturing จึงได้มัดรวมเอา 3 เทรนด์ของระบบอัตโนมัติที่น่าสนใจในปี 2023 นี้มาให้ทุกท่านได้อ่านและเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปีนี้กัน

ระบบอัตโนมัติ อนาคตของธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลก

นับตั้งแต่การเข้ามาของระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมการผลิตตั้งแต่ในช่วงปี 1900 นั้น ระบบอัตโนมัติได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของโลกเราในการทำงานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในภาคธุรกิจทั่วไป ในอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวันใกล้ตัวผู้คนทั่วไป ซึ่งภายในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น แม้ว่าทั่วโลกจะต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่ตลาดของเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติทั่วโลกกลับมีการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง

ดังนั้นหากจะบอกว่าระบบอัตโนมัติได้กลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เข้ามากำหนดทิศทางของภาคอุตสาหกรรมแล้วก็คงจะไม่ผิดนัก ผู้ประกอบการยุคใหม่ต่างก็ต้องคอยปรับตัวและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอยู่เสมอ สำหรับเทรนด์ที่เราคัดเลือกมาในวันนี้จะมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ

1. Collaborative Robot (Cobot)

หากเราพูดถึงการใช้งานระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมการผลิตแล้วละก็ แน่นอนครับว่าสิ่งแรก ๆ ที่ทุกคนต้องนึกถึงคงจะหนีไม่พ้นหุ่นยนต์แขนกลต่าง ๆ ที่สามารถช่วยทุ่นแรงมนุษย์ในการหยิบจับและประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน แต่หนึ่งในเทรนด์ที่น่าสนใจที่เราจะยกมาพูดถึงในวันนี้ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ธรรมดาทั่วไป แต่เป็นหุ่นยนต์ที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย หรือ ‘Collaborative Robot’ นั่นเอง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น หุ่นยนต์ Cobot ได้เริ่มได้รับความสนใจจากผู้ผลิตและผู้ประกอบการหลายแห่งมากขึ้นอย่างท่วมท้น ด้วยระบบที่ป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อพนักงานใกล้ ๆ นั้น ทำให้การใช้งาน Cobot ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องติดตั้งรั้วป้องกันรอบ ๆ เหมือนหุ่นยนต์โรบอทขนาดใหญ่ทั่วไป ทำให้สามารถประหยัดพื้นที่ในการทำงานขึ้นได้เป็นอย่างมาก อีกทั้ง Cobot ยังสามารถนำมาประยุกต์รวมเข้ากับเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย เช่นระบบ Random Bin Picking ที่มีการใช้ระบบ Machine Vision มาทำงานร่วมกับ Cobot ในการหยิบจับ Pick and Place วัตถุต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ

ด้วยความปลอดภัยและการออกแบบที่คำนึงถึงความยืดหยุ่นและความง่ายในการใช้งาน ทำให้หุ่นยนต์ Cobot ในปัจจุบันนั้นได้เริ่มนิยมนำมาใช้ควบคู่กับมนุษย์ในสายการผลิตมากมายไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นงานขนาดใหญ่อย่างการประกอบรถยนต์ การบรรจุสินค้า หรือแม้แต่ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กเช่น Smart Watch ก็ได้เช่นกัน ซึ่งได้มีการคาดการณ์ว่าตลาดของหุ่นยนต์ Cobot นั้นจะมีการเติบโตขึ้นจากมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2022 ขึ้นสูงถึง 9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2028 และจะเข้ามามีบทบาทได้ทั้งในบริษัทขนาดใหญ่ ไปจนถึงบริษัทระดับ SMEs

3 เทรนด์ที่ต้องจับตามองของระบบอัตโนมัติปี 2023
ที่มาภาพและข้อมูล : MarketsandMarkets

นอกจากนี้ยังได้มีการคาดการณ์เอาไว้อีกด้วยว่าภายในปี 2027 นั้น จำนวนการใช้งานของหุ่นยนต์ Cobot จะมีมากถึง 30% ของจำนวนการใช้งานหุ่นยนต์ทั้งหมดในโลก นั่นหมายความว่าในอนาคตเราคงจะได้เห็นหุ่นยนต์ Cobot เข้ามาทำงานควบคู่ไปกับหุ่นยนต์โรบอทและมนุษย์มากขึ้นอย่างแน่นอน

ข้อแนะนำก่อนตัดสินใจใช้ Cobot

สำหรับในประเทศไทยของเราเองก็มีการใช้งานหุ่นยนต์ Cobot ที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในการผลิต การส่งต่อและการคัดแยกชิ้นงาน ถ้าหากสายการผลิตของคุณมีงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่องแต่ไม่ซับซ้อน หรือมีความอันตรายและไม่ควรนำพนักงานเข้ามาเสี่ยงภัย Cobot ก็สามารถเข้ามาตอบโจทย์จุดเหล่านี้และร่วมทำงานกับมนุษย์ได้อย่างลงตัว และสำหรับผู้ประกอบการในไทยที่สนใจอยากจะเริ่มลงทุนเอา Cobot เข้ามาใช้ในสายการผลิตของตนก็อย่าลืมตรวจสอบความต้องการใช้งานของตนเองให้ชัดเจน และเลือกใช้ Cobot ตามรูปแบบความต้องการที่เหมาะสมของตนเอง ปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกซื้อก็มีทั้งระยะในการหยิบจับชิ้นงานของ Cobot ขนาดและน้ำหนักของชิ้นงานที่ผลิต หรือแม้แต่สภาพแวดล้อมที่จะทำการติดตั้งหุ่นยนต์เอาไว้ ซึ่งประเทศไทยของเราก็มีบริษัทที่ขึ้นชื่อด้านหุ่นยนต์อุตสาหกรรมในระดับชั้นนำอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น ABB, Fanuc หรือ Mitsubishi Electric ที่พร้อมให้คำแนะนำกับผู้ที่สนใจได้ตลอดเวลา

2. Robotic Process Automation (RPA)

RPA เป็นระบบโรบอท IT Solution ที่ใช้การเลียนแบบและเรียนรู้พฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ และสามารถเข้ามาทดแทนการทำงานแบบซ้ำ ๆ หรืองานที่ต้องใช้เวลานานให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติได้ ด้วยการสร้างขั้นตอนและกระบวนการต่าง ๆ ในการทำงานของระบบ RPA ทำให้การทำงานสามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง และยังช่วยลดโอกาสผิดพลาดจากการทำงานลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาก็ทำให้ผู้ประกอบการหลายแห่งเริ่มให้ความสนใจกับระบบ RPA มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะระบบซอฟต์แวร์เหล่านี้สามารถเข้ามาช่วยทดแทนการทำงานของมนุษย์ที่มีข้อจำกัดมากขึ้นจากมาตรการป้องกันต่าง ๆ ในช่วงที่เกิดการระบาดขึ้นนั่นเอง

ปัจจุบันระบบ RPA นั้นสามารถเข้ามาช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องใช้ในการจัดการเอกสาร, การจัดการคลังสินค้า, การจัดการข้อมูลด้านบัญชีและการเงิน ไปจนถึงการวิเคราะห์ ตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ และยังมีระบบซอฟต์แวร์ให้เลือกใช้มากมายจากหลายผู้ให้บริการ ตัวอย่างเช่น UiPath, Microsoft Power Automate หรือ Automation Anywhere

Robotic Process Automation
ที่มาภาพ : Image by Freepik

โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ Fortune Business Insights ได้ระบุว่าสำหรับในปี 2022 นั้นตลาดของระบบ RPA มีมูลค่าอยู่ที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และได้มีการคาดการณ์เอาไว้อีกด้วยว่าในช่วงปีถัดไปนี้ตลาดของระบบ RPA จะเติบโตขึ้นไปเกิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะเพิ่มไปสูงถึง 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯเลยทีเดียว

สำหรับบทบาทของระบบ RPA ในภาคอุตสาหกรรมนั้น ระบบ RPA ก็สามารถเข้ามาช่วยได้ทั้งในการตรวจสอบและจัดการคลังสินค้า การบริหารจัดการ Supply chain และยังช่วยเสริมความเร็วการผลิตในแต่ละวันขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการใช้ระบบ RPA ยังสามารถเห็นผลลัพธ์จากการลงทุน (ROI) ได้ภายในไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นอีกด้วย อีกทั้งในปัจจุบันยังมีผู้ให้บริการอีกจำนวนมากที่ได้เริ่มนำเอาเทคโนโลยีอย่างระบบ AI, Machine Learning และ Cloud ในการเข้ามาพัฒนาความสามารถของระบบ RPA ให้สูงขึ้นไปอีกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นในหลาย ๆ ธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ขอบเขตความสามารถของระบบ RPA สามารถนำไปใช้ปรับรูปแบบการทำงานให้หลาย ๆ ธุรกิจสามารถเปลี่ยนเข้าสู่ยุคของการทำงานแบบดิจิทัลได้จริง

ข้อแนะนำก่อนตัดสินใจใช้ RPA

สำหรับใครที่กำลังอยากจะนำระบบ RPA เข้ามาใช้จัดการข้อมูลในบริษัทของตัวเองก็สามารถทำได้ทั้งผ่านผู้ให้บริการภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการ Implement ระบบให้เข้ากับความต้องการของธุรกิจได้ หรือจะทำการศึกษาและพัฒนาระบบขึ้นด้วยตัวเองผ่าน Tool ต่าง ๆ ที่เราได้แนะนำไปข้างต้น (UiPath, Microsoft Power Automate เป็นต้น) ก็ทำได้ นั่นเพราะ Tool เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการ Programming ก็สามารถทำได้นั่นเอง แต่อย่างไรก็อย่าลืมศึกษาความต้องการและความเหมาะสมของประเภทงานที่ต้องการจะนำระบบมาประยุกต์ใช้ให้ดีกันนะครับ

3. Artificial Intelligence (AI)

และถ้าหากว่าเราพูดถึงระบบอัตโนมัติอยู่แล้วละก็ อีกหนึ่งในระบบที่มีการเติบโตและเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุก ๆ ธุรกิจมากที่สุดในโลกก็คงจะหนีไม่พ้นระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) อย่างแน่นอน

ด้วยความเป็นไปได้อันหลากหลายทำให้ AI ในปัจจุบันสามารถก้าวเข้ามามีบทบาทในธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลแบบเฉพาะทาง หรือการคาดเดาและป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หรือแม้แต่การใช้ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์ออกแบบชิ้นงานหรือผลิตภัณฑ์ขึ้นก็เป็นสิ่งที่เริ่มพบเห็นได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

และจากข้อมูลของ Capgemini research institute ที่ได้รวบรวมข้อมูลการใช้งานระบบ AI ในอุตสาหกรรมการผลิตมานั้น ยังได้ระบุว่าปัจจุบันเหล่าบริษัทผู้ผลิตชื่อดังในทวีปยุโรปกว่าครึ่งหนึ่งนั้นได้มีการนำระบบ AI อย่างน้อย 1 รูปแบบเข้ามาทำงานร่วมในการผลิต และสำหรับ 3 เคสของการใช้งาน AI ที่นิยมที่สุดสำหรับผู้ผลิตนั้น ก็ได้แก่

3.1 Intelligent Maintenance

ด้วยความสามารถในการรวบรวม วิเคราะห์และประมวลผล ทำให้ AI สามารถทำการคาดเดาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า ทำให้การตรวจสอบป้องกันและเตรียมรับมือกับปัญหาในสายการผลิตสามารถเกิดขึ้นได้อย่างทันควัน เป็นการสร้างมาตรการป้องกันเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพ ไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาขึ้นมาก่อนแล้วจึงค่อยแก้ไขอย่างในอดีตที่ผ่านมา

3.2 Product Quality Control

ในการควบคุมคุณภาพของชิ้นงานที่ผลิตนั้น การตรวจสอบชิ้นงานจำนวนมากที่ผลิตในแต่ละวันย่อมหลีกเลี่ยงความผิดพลาดได้ยากหากเป็นการทำงานของมนุษย์ทั่วไป ยิ่งการตรวจสอบข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนสูงและสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเช่น อุณหภูมิ ความดันหรือความชื้นแล้วนั้น ยิ่งต้องการการตรวจสอบที่ละเอียดและฉับพลันมากขึ้น ทำให้การเข้ามาของ AI ที่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและตอบสนองต่อการเปลี่ยนของข้อมูลได้แบบ Real-time จะช่วยให้การควบคุมคุณภาพมีมาตรฐานที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

3.3 Demand Planning

Demand Planning คือการวางแผนกำหนดจำนวนการผลิตสินค้าและคาดการณ์ความต้องการของตลาดเพื่อลดความสูญเสียจากการผลิตที่สูญเปล่าลง ซึ่งระบบ AI ก็สามารถเข้ามาช่วยรวบรวมและทำการวางแผนทิศทางขององค์กรให้ได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังสร้างความโปร่งใสของข้อมูล ช่วยให้การทำความเข้าใจและการตัดสินใจดำเนินงานสามารถเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

นอกจาก 3 เคสหลักที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้วนั้น ประโยชน์ของระบบ AI ยังสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานรูปแบบอื่น ๆ ได้อย่างหลากหลายตามเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีจำกัด การเข้ามาของ AI ในภาคอุตสาหกรรมจะช่วยลดต้นทุนและเวลาที่ต้องใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง AI ยังเป็นหัวใจหลักที่สำคัญในการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคตอีกด้วย

3 เทรนด์ที่ต้องจับตามองของระบบอัตโนมัติปี 2023
ที่มาภาพ : Image by macrovector on Freepik

ข้อแนะนำก่อนตัดสินใจใช้ AI

อ่านมาถึงจุดนี้หลายท่านอาจจะรู้สึกว่าประโยชน์การใช้งานของระบบ AI นั้นช่างมีมากมายและทำได้แทบทุกอย่าง แต่ที่จริงแล้วไม่ว่าระบบ AI จะล้ำไปเพียงใดก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดในการประมวลผลได้หากมีการรับ-ส่งข้อมูลที่ผิดพลาดเกิดขึ้น ดังนั้นการนำ AI เข้ามาช่วยไม่ว่าจะในงานประเภทไหนก็ยังควรจะมีมนุษย์คอยดูแลตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งการพัฒนาและนำ AI เข้ามาปรับใช้ในการผลิตสำหรับแต่ละธุรกิจก็ย่อมมีต้นทุน ความท้าทายและรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ผู้ที่สนใจก็อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เพื่อให้การลงทุนของคุณเกิดความคุ้มค่าได้มากที่สุด

ทิ้งท้ายหลังอ่าน

หลังจากที่เราพูดถึงเทรนด์ที่น่าสนใจเหล่านี้ไปแล้ว หลาย ๆ ท่านอาจจะยังสงสัยว่า แล้วเทรนด์ของระบบอัตโนมัติเหล่านี้จะเข้ามามีผลต่ออุตสาหกรรมในบ้านเราได้อย่างไรกันนะ ? ต้องบอกว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เริ่มมีการผลักดันจากทางภาครัฐและจะเข้ามากลายเป็นตัวกำหนดทิศทางที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ผู้ประกอบการทั่วโลกไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่หากต้องการจะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของตัวเองขึ้นย่อมต้องมีการหันมาลงทุนในเรื่องของระบบอัตโนมัติ ฉะนั้นผู้บริหาร วิศวกรและพนักงานทุกท่านเองก็ต้องเริ่มเรียนรู้ ปรับตัวและพร้อมพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถตามโลกของการผลิตยุคใหม่ได้ทัน

ทั้ง 3 เทรนด์เทคโนโลยีที่เรารวบรวมมานำเสนอในครั้งนี้ต่างก็เป็นระบบอัตโนมัติที่มีความโดดเด่นและจะก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในธุรกิจและอุตสาหกรรมหลายประเภทรอบโลก และหากผู้ประกอบการท่านไหนที่กำลังตัดสินใจอยากลงทุนกับระบบอัตโนมัติ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี Modern Manufacturing ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยนำเสนอเทรนด์ดี ๆ ให้ทุกท่านสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจได้ สุดท้ายนี้ใครที่ไม่อยากจะล้าหลังเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็อย่าลืมคอยติดตามเทรนด์ของระบบอัตโนมัติเหล่านี้เอาไว้เพื่อนำมาปรับใช้ให้ธุรกิจของคุณสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างทันสมัยและมั่นคง

Jirapat R.
"To see the world, things dangerous to come to, to see behind walls, draw closer, to find each other, and to feel. That is the purpose of life."
- The Secret Life of Walter Mitty
READ MORE
×