รู้ไหมว่าเบื้องหลังความเร็ว แรง และครอบคลุมของเครือข่าย 5G ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข 5G อย่างเดียว แต่มันซ่อนอยู่ในคำว่า ‘คลื่นความถี่’ หรือที่เรียกกันว่า spectrum
ในความเป็นจริง 5G ถูกแบ่งออกเป็น 3 ย่านคลื่นความถี่หลัก ๆ ได้แก่
Low Band (<1GHz)
เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่กว้าง แต่ไม่ได้มีความเร็วที่สูงมากนัก มีช่วงคลื่นที่ยาว เดินทางผ่านสิ่งกีดขวางได้ดี เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ห่างไกล ใช้ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ภัยทางธรรมชาติ และการใช้งานในภาคการเกษตร
Mid Band (1GHz–6GHz)
เป็นความถี่ที่สมดุลระหว่างความเร็วและขนาดพื้นที่การใช้งาน เรียกได้ว่ากว่า 60% ของ 5G ที่ใช้งานกกันนั้นเป็นช่วงความถี่นี้ เหมาะกับการใช้งานกับอุปกรณ์ IoT และการเชื่อมต่ออัจฉริยะอย่างยานยนต์อัตโนมัติ และสามารถใช้งานกับการผลิตของ Smart Factory ได้
High Band (24–40GHz)
มีความโดดเด่นในด้านความเร็วแต่พื้นที่ครอบคลุมการใช้งานนั้นค่อนข้างน้อย จึงเหมาะสำหรับกิจกรรมเฉพาะที่มีความต้องการความเร็วสูง เช่น การใช้งานกับ Testbed หรือการใช้งานควบคุมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่ต้อง Synchronize กันอย่างสมบูรณ์แบบ
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำไมผู้ให้บริการต้องใช้ส่วนผสมของคลื่นความถี่ เพื่อสร้างเครือข่ายที่ครบเครื่อง ทั้งเร็ว ครอบคลุม และเสถียร