IDA Project
industry 4.0-vs-5.0

ก่อนทำ Industry 5.0 คุณเข้าใจ Industry 4.0 ดีพอหรือยัง ?

Date Post
16.09.2025
Post Views

คำว่า Industry 5.0 เริ่มกลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมากขึ้น แต่คำถามสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ คุณและอีกหลายคนเข้าใจในอุตสาหกรรม 4.0 ดีพอแล้วหรือยัง ?  และได้วางรากฐานของอุตสาหกรรม 4.0 ไว้แข็งแรงพอไหม ?เพราะถ้าไม่เข้าใจและไม่ปรับใช้ Industry 4.0 อย่างถูกต้อง การกระโดดไปยัง 5.0 ก็อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี

Industry 4.0 คืออะไร

Industry 4.0 หรือ อุตสาหกรรม 4.0 คือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่เปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตและแปรรูปสินค้าให้เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ (Automation Systems )แบบครบวงจร แนวคิดนี้เริ่มต้นจากโครงการ Industrie 4.0 ที่รัฐบาลเยอรมนีริเริ่มขึ้นในปี 2011 เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมที่นำระบบดิจิทัลเข้ามาเป็นแกนหลัก

ความพิเศษของอุตสาหกรรม 4.0 อยู่ที่การบูรณาการโลกของการผลิตเข้ากับการเชื่อมต่อทางเครือข่ายในรูปแบบ Internet of Things (IoT) ทุกหน่วยของระบบการผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบ เครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ จะถูกติดตั้งระบบเครือข่ายเพื่อให้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันอย่างอิสระ

จุดเด่นสำคัญของ Industry 4.0

อุตสาหกรรม 4.0 มีจุดเด่นหลักคือสามารถเชื่อมความต้องการของผู้บริโภครายบุคคลเข้ากับกระบวนการผลิตสินค้าได้โดยตรง ถ้าโรงงานยุค 3.0 ผลิตของแบบเดียวกันจำนวนมากในเวลาพริบตาเดียว โรงงานยุค 4.0 จะสามารถผลิตของหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันได้เป็นจำนวนมากในขณะเดียวกัน ซึ่งนำไปสู่แนวคิด Mass Customization หรือการผลิตแบบปรับแต่งตามความต้องการรายบุคคล

หลักการสำคัญของ Industry 4.0

อุตสาหกรรม 4.0 ประกอบด้วยหลักการสำคัญ 6 ประการที่ทำให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  • การเชื่อมต่อและบูรณาการเครือข่าย (Networking and Integration) 
  • การใช้ระบบช่วยเหลือ (Assistance Systems) 
  • การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูล (Data Collection and Processing) 
  • การกระจายอำนาจและมุ่งเน้นการให้บริการ (Decentralization and Service Orientation) 
  • การจัดระเบียบและความเป็นอัตโนมัติ (Self-organization and Autonomy) 
  • การพัฒนาคุณวุฒิของพนักงาน (Qualification of Employees)

เทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อน Industry 4.0

เทคโนโลยีสำคัญของอุตสาหกรรม 4.0 ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ เริ่มต้นด้วย Internet of Things (IoT) ที่ทำให้เครื่องจักรและอุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจแบบอัตโนมัติ

Big Data Analytics มีบทบาทสำคัญในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อหาข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ ระบบ Cloud Computing ช่วยในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลแบบกระจาย Cyber-Physical Systems (CPS) เชื่อมโยงโลกดิจิทัลเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง และ Additive Manufacturing หรือการพิมพ์ 3 มิติ ช่วยในการผลิตชิ้นงานแบบปรับแต่งได้

ข้อได้เปรียบของ Smart Factory

โรงงานอัจฉริยะในยุค Industry 4.0 ให้ประโยชน์มากมาย การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มความรวดเร็วคล่องตัวและยืดหยุ่นในการผลิต เครื่องจักรสามารถผลิตสินค้าที่มีความแตกต่างกันทุกชิ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาในการปรับตั้งเครื่องจักรใหม่

“Smart Manufacturing คือการใช้เทคโนโลยีพลิกการผลิต ให้ประหยัดพลังงาน แม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูงสุด” – คุณอรุณ เจียงศรีเจริญ จาก ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีแม่พิมพ์ เครื่องมือกล และบริการทดสอบ สถาบันไทย-เยอรมัน

การใช้เทคโนโลยี IoT ทำให้สามารถตรวจสอบการทำงานได้แบบเรียลไทม์ ระบบ AI สามารถรวบรวมข้อมูลในการทำงานได้อย่างเชิงลึก วิเคราะห์ปัญหาได้อย่างละเอียด และยังสามารถทำการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance) ได้

การผสมผสานระหว่าง Big Data กับ Data Analytics ช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น โรงงานสามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มคุณภาพสินค้า และยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

Thailand 4.0 กับการพัฒนาประเทศไทย

Thailand 4.0 เป็นโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องการพาประเทศไทยให้พ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง นโยบายนี้มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ “Value-Based Economy” หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

เป้าหมายของ Thailand 4.0 คือการเปลี่ยนจากการผลิตแบบ “ทำมาก ได้น้อย” เป็น “ทำน้อย ได้มาก” โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนามูลค่าและคุณค่า (Value Creation) การเปลี่ยนแปลงนี้ครอบคลุมสี่องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนจากเกษตรกรรมดั้งเดิมเป็น Smart Farming การยกระดับ SMEs ให้เป็น Smart Enterprises การพัฒนา Traditional Services สู่ High Value Service และการพัฒนาแรงงานทักษะต่ำให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญสูง

การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมไทย

ประเทศไทยกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุค Industry 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2022 จะมี 61% ของ GDP ของไทยที่เกิดจากการดิจิทัลไลเซชัน การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการเติบโตในทุกอุตสาหกรรมที่ได้รับการยกระดับด้วยดิจิทัล

IoT กลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเข้าสู่วิสัยทัศน์ Digital Thailand 4.0 การนำ IoT และ Data Analytics มาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตช่วยให้สามารถตรวจสอบการทำงานแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างระบบอัตโนมัติในแต่ละขั้นตอนการผลิต

ความแตกต่างจาก Industry 3.0

เพื่อเข้าใจ Industry 4.0 ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างจากยุคก่อนหน้า Industry 3.0 เป็นยุคของการใช้คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ในการควบคุมเครื่องจักร มีการผลิตแบบอัตโนมัติและการใช้หุ่นยนต์ในสายการผลิต

ความแตกต่างหลักอยู่ที่ Industry 3.0 เน้นการผลิตแบบเดียวจำนวนมาก (Mass Production) ในขณะที่ Industry 4.0 สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคน การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องจักรใน Industry 4.0 ทำให้เกิด Smart Factory ที่เครื่องจักรสามารถสื่อสารและตัดสินใจร่วมกันได้

ความท้าทายในการปรับตัว

แม้ว่าอุตสาหกรรม 4.0 จะมีประโยชน์มากมาย แต่การปรับตัวเข้าสู่ยุคนี้ก็มีความท้าทาย การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ต้องใช้งบประมาณสูง และต้องมีการพัฒนาทักษะของบุคลากรให้สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Cyber Security) ก็เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจ

สำหรับองค์กรไทย ผลการสำรวจพบว่าความท้าทายหลักคือการขาดทักษะ งบประมาณ และกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการทำ Digital Transformation อย่างไรก็ตาม 68% ของบริษัทไทยวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลในอีก 3 ปีข้างหน้า

เตรียมพร้อมสู่ Industry 5.0

การเข้าใจ Industry 4.0 อย่างลึกซึ้งจะช่วยให้เราพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไปใน Industry 5.0 ซึ่งจะเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรอย่างสมดุล มุ่งเน้นความยั่งยืนและการใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ในยุคปัจจุบัน การใช้ Industrial IoT (IIoT) กำลังยกระดับภาคอุตสาหกรรมอย่างก้าวกระโดด ด้วยการเปิดให้เครื่องจักร สายการผลิต และห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล วิเคราะห์ และตัดสินใจร่วมกันได้โดยอัตโนมัติ นี่คือรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดในอนาคต

อุตสาหกรรม 4.0 ไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ แต่เป็นการปฏิวัติวิธีคิดและวิธีการทำงานทั้งระบบ การเข้าใจและประยุกต์ใช้หลักการของ Industry 4.0 ให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละองค์กรจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
ลงทะเบียนร่วมงาน Automation Expo