Tuesday, April 16Modern Manufacturing
×

เชฟรอนฯ และ ปตท.สผ. ลงนามข้อตกลงความร่วมมือฯ เตรียมเข้าพื้นที่เอราวัณ ผลิตก๊าซต่อเนื่อง

บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ. อีดี และ บริษัท
เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในช่วงเปลี่ยนผ่านของแหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณหรือ แปลง G1/61 เพื่อให้การดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างสัมปทานและสัญญาแบ่งปันผลผลิตเกิดความต่อเนื่อง แต่ด้วยเหตุที่การเจรจาลงนามในข้อตกลงฯ ดังกล่าวของทั้งสองบริษัทล่าช้ากว่า 2 ปี อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) โดยทั้ง 2 บริษัทพร้อมที่จะดำเนินการอันจำเป็นเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าว

เชฟรอนฯ และ ปตท.สผ. ลงนามข้อตกลงความร่วมมือฯ เตรียมเข้าพื้นที่เอราวัณ ผลิตก๊าซต่อเนื่อง

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า บริษัท ปตท.สผ. อีดี
ในฐานะผู้ดำเนินการรายใหม่ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ของแปลง G1/61 และบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ผู้รับสัมปทานรายเดิมได้ลงนามในข้อตกลง
ความร่วมมือในช่วงเปลี่ยนผ่านของแหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณ ซึ่งประกอบด้วย ข้อตกลง
การเข้าพื้นที่ (Site Access Agreement, SAA) ข้อตกลงการเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรม
การรื้อถอนสิ่งติดตั้ง (Asset Retirement Access  Agreement, ARAA) และ ข้อตกลงการถ่ายโอนการดำเนิน (Operation Transfer Agreement, OTA) ซึ่งจะทำให้การดำเนินการตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตในโครงการแปลง G1/61 เดินหน้าต่อไป

เชฟรอนฯ และ ปตท.สผ. ลงนามข้อตกลงความร่วมมือฯ เตรียมเข้าพื้นที่เอราวัณ ผลิตก๊าซต่อเนื่อง

“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาความล่าช้าในการเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณนั้น
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ได้ใช้ความอุตสาหะพยายามอย่างเต็มที่ในการดำเนินการเพื่อประสานให้ทั้ง 2 บริษัทมาหารือเพื่อให้ได้ข้อตกลงต่าง ๆ ร่วมกัน ที่จะส่งผลให้การดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมีความกังวลที่การลงนามในข้อตกลงฯ ดังกล่าวเกิดความล่าช้าเป็นเวลากว่า 2 ปี แต่ก็มีความยินดีที่ ณ ปัจจุบันการลงนามข้อตกลงฯ ส่งผลให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นสำหรับการเข้าพื้นที่ของ ปตท.สผ. อีดี เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งดังกล่าวเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นสำคัญ” 

สำหรับความสำคัญของข้อตกลงทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่

1. ข้อตกลงการเข้าพื้นที่ (Site Access Agreement, SAA) ซึ่งเป็นข้อตกลงเพื่อให้ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสามารถเข้าพื้นที่ไปดำเนินกิจกรรมเตรียมการ เช่น การติดตั้งแท่น
หลุมผลิต การเจาะหลุมผลิต และการเชื่อมต่อแท่นหลุมผลิตใหม่เข้ากับแท่นหลุมผลิตเดิม 

2. ข้อตกลงการเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมการรื้อถอนสิ่งติดตั้ง (Asset Retirement Access Agreement, ARAA) ซึ่งเป็นข้อตกลงเพื่อให้ผู้รับสัมปทานสามารถเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่รัฐไม่รับมอบภายหลังสิ้นสุดอายุสัมปทาน ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 80/1 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และข้อ 22 แห่งกฎกระทรวง กําหนดแผนงาน ประมาณการค่าใช้จ่าย และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้ง
ที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. 2559 ซึ่งผู้รับสัมปทานมีหน้าที่ในการจัดทำข้อตกลงการส่งมอบ
สิ่งติดตั้ง (Asset Transfer Agreement, ATA) รวมถึงข้อกำหนดในสัมปทานปิโตรเลียม    

3. ข้อตกลงการถ่ายโอนการดำเนินงาน (Operation Transfer Agreement, OTA) ซึ่งเป็นข้อตกลงที่กำหนดกรอบความร่วมมือในการถ่ายโอนการดำเนินงานระหว่างผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต เช่น การส่งมอบข้อมูลที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการปิโตรเลียมให้แก่ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต การถ่ายโอนการดำเนินงานระหว่างกัน เป็นต้น ซึ่งเป็นการดำเนินการตามข้อ 6 ของประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เรื่องข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้ง พ.ศ. 2561

ทั้งนี้ บริษัท ปตท.สผ. อีดี เป็นผู้ชนะการประมูลและจะเป็นผู้ดำเนินงานรายใหม่ในแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณหลังจากสัมปทานของบริษัท เชฟรอนฯ หมดอายุลงในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งตามเงื่อนไขในการประมูลนั้น บริษัท ปตท.สผ.อีดี จะต้องผลิตก๊าซธรรมชาติให้ได้ในอัตรา
800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งความล่าช้าในการทำข้อตกลงฯ ของทั้ง 2 บริษัทอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน 

นื้อหาที่น่าสนใจ:
เอ็กโก ลุยพัฒนาบล็อกเชนซื้อขายพลังงาน

Thos
"Judge a man by his questions rather than his answers"
Voltaire
READ MORE
×