Thai Murata
สายสื่อสารหรือสายเคเบิลที่กำลังเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องปลายทาง

สายไหนเหมาะ? เจาะลึกสายสื่อสารที่โรงงานยุคใหม่ต้องมี

Date Post
02.05.2025
Post Views

ในโรงงานอุตสาหกรรม สายสื่อสารมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมเครื่องจักร การรับส่งข้อมูลจากเซนเซอร์ หรือการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายโรงงาน การเลือกใช้สายสื่อสารที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการผลิตดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย

ประเภทของสายสื่อสารที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

  1. สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pair Cable)
    • ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบเครือข่ายอุตสาหกรรม เช่น Ethernet (Cat5e, Cat6, Cat6a)
    • มีทั้งแบบมีชิลด์ (Shielded Twisted Pair – STP) และไม่มีชิลด์ (Unshielded Twisted Pair – UTP)
    • เหมาะสำหรับการส่งข้อมูลในระยะใกล้ถึงปานกลางภายในโรงงาน

ข้อจำกัด: ระยะส่งข้อมูลจำกัด (สูงสุดประมาณ 100 เมตร) และอาจได้รับผลกระทบจากสัญญาณรบกวนหากไม่มีชิลด์

  1. สายไฟเบอร์ออปติก (Fiber Optic Cable)
    • ใช้สำหรับส่งข้อมูลระยะไกลและความเร็วสูง
    • ทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดี เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนสูง
    • มีทั้งแบบ Single-mode (ส่งข้อมูลได้ไกล) และ Multi-mode (เหมาะกับระยะใกล้ถึงปานกลาง)

ข้อจำกัด: ราคาสูงกว่าสายทองแดงทั่วไป ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการติดตั้งและซ่อมบำรุง

  1. สายสัญญาณแบบโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
    • ใช้ในระบบสื่อสารอนาล็อก ระบบวิดีโอวงจรปิด (CCTV) และบางระบบเครือข่ายอุตสาหกรรม
    • มีชิลด์ช่วยลดสัญญาณรบกวน เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเสถียรสูง

ข้อจำกัด: มีความหนาและแข็งกว่าสายประเภทอื่น ทำให้ติดตั้งยากและรองรับระยะทางจำกัดกว่าสายไฟเบอร์

  1. สาย PROFIBUS และ PROFINET
    • PROFIBUS เป็นสายสื่อสารแบบบัสที่ใช้กับระบบอัตโนมัติ (PLC, SCADA)
    • PROFINET เป็นมาตรฐานที่พัฒนามาจาก Ethernet ใช้ในเครือข่ายอุตสาหกรรมที่ต้องการความเร็วสูง

ข้อจำกัด: ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่รองรับเท่านั้น และการติดตั้งต้องเป็นไปตามมาตรฐานเฉพาะเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

  1. สาย MODBUS และ RS-485
    • ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ในระบบควบคุม เช่น เซนเซอร์ ตัวแปลงสัญญาณ และ PLC
    • RS-485 รองรับการสื่อสารแบบหลายอุปกรณ์ (Multi-Drop) และทนทานต่อสัญญาณรบกวน

ข้อจำกัด: ความเร็วในการส่งข้อมูลต่ำกว่ามาตรฐาน Ethernet และรองรับระยะทางได้จำกัด (ปกติไม่เกิน 1,200 เมตร)

  1. สาย DeviceNet และ ControlNet
    • ใช้ในระบบควบคุมอุตสาหกรรมของ Rockwell Automation
    • DeviceNet ใช้สำหรับเชื่อมต่อเซนเซอร์และอุปกรณ์ I/O
    • ControlNet ให้ความเร็วและความเสถียรในการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์

ข้อจำกัด: ต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์ของ Rockwell Automation และมีข้อจำกัดด้านการขยายระบบเมื่อเทียบกับ Ethernet

ปัจจัยในการเลือกสายสื่อสารสำหรับโรงงาน

  • สภาพแวดล้อม: โรงงานที่มีความร้อนสูง สารเคมี หรือสัญญาณรบกวน อาจต้องใช้สายที่มีฉนวนและชิลด์ป้องกัน
  • ระยะทาง: หากต้องส่งข้อมูลระยะไกล ไฟเบอร์ออปติกเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
  • ความเร็วในการส่งข้อมูล: ระบบที่ต้องการความเร็วสูง ควรเลือก PROFINET หรือ Ethernet Cat6/Cat6a
  • ความทนทาน: สายสื่อสารต้องรองรับการใช้งานหนัก ทนต่อการบิดงอ และสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง
  • ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์: ต้องเลือกสายที่รองรับมาตรฐานของระบบควบคุมที่ใช้งานอยู่

สรุป

สายสื่อสารในโรงงานอุตสาหกรรมมีหลายประเภท โดยแต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกสายที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบการผลิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาสัญญาณรบกวน และเพิ่มความเสถียรของระบบเครือข่ายในโรงงาน หากต้องการระบบที่รองรับอนาคต ควรพิจารณาสายที่รองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมล่าสุด เพื่อให้โรงงานสามารถขยายระบบได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Naichangmashare
กลุ่มวิศวกรที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมหลายสาขา รวมตัวกันสร้างชุมชนแบ่งปันความรู้ด้านอุตสาหกรรม เพื่อให้งานช่างและวิศวกรรมเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน ติดตามได้ทาง FB นายช่างมาแชร์
Thai Murata