รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนมิถุนายน 2025 เผยว่า ภายในปี 2030 ยอดบัญชีผู้ใช้งาน 5G ทั่วโลกจะพุ่งแตะ 6,300 ล้านราย หรือคิดเป็น 80% ของผู้ใช้มือถือทั้งหมด โดยในระยะสั้น ภายในสิ้นปี 2025 จะมียอดบัญชีผู้ใช้งานราว 2,900 ล้านราย หรือประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ใช้งานมือถือทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 การใช้ดาต้าบนเครือข่ายมือถือทั่วโลกเพิ่มขึ้น 19% YoY แม้การเติบโตจะชะลอลงจากปีก่อนหน้า แต่ก็ยังมีทิศทางที่การใช้ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าภายในปี 2030 โดยมี 5G เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
ในด้านโครงข่าย ข้อมูลยังระบุว่าเครือข่าย 5G Mid-Band ครอบคลุมมากกว่า 50% ของประชากรยุโรป และมีความครอบคลุมสูงถึง 90% ในอเมริกาเหนือ และ 95% ในอินเดีย ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย คาดว่าภายในปี 2030 จะมีผู้ใช้ 5G มากถึง 630 ล้านราย หรือ 49% ของผู้ใช้มือถือในภูมิภาคนี้
สำหรับประเทศไทย เครือข่าย 5G เป็น กลไกหลักในการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน (ARPU) และเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดย มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท Ericsson ประเทศไทย ชี้ว่า ความพร้อมของระบบ 5G Standalone (SA) และการเพิ่มย่านความถี่ Mid-Band จะเป็นปัจจัยสำคัญในการ ปลดล็อกคลื่นแห่งนวัตกรรม (Wave of Innovation) ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชัน Generative AI, AR/VR, แว่นตาอัจฉริยะ และระบบ Uplink/Latency ที่แม่นยำ
ปัจจุบัน Ericsson ได้เปิดให้บริการ เครือข่าย 5G กว่า 187 แห่งทั่วโลก และในประเทศไทยเองก็กำลังอยู่ในช่วงเร่งพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้งานข้อมูลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) ระบุว่า วิสัยทัศน์หลักของอีริคสัน คือ “การสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และยั่งยืน” เพื่อให้ 5G กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะการผลักดัน เครือข่าย 5G SA (Standalone) ให้เกิดการใช้งานจริงอย่างต่อเนื่อง และการขยายฐานคลื่น Mid-Band ให้ครอบคลุมมากขึ้น
เขายังเน้นว่า เครือข่าย 5G จะไม่ใช่แค่ “เร็ว” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยเฉพาะในยุคของ Generative AI และ แอปพลิเคชันที่ซับซ้อน ซึ่งต้องการประสิทธิภาพสูงในการอัปลิงก์ (Uplink) และการส่งข้อมูลแบบไร้ดีเลย์ (Latency)
✦ มุมมองในภาคอุตสาหกรรมของทาง MM Thailand
การเติบโตของ 5G ทั่วโลกไม่เพียงสะท้อนถึงการเชื่อมต่อที่ล้ำหน้าเท่านั้น แต่ยังกลายเป็น รากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิต ยานยนต์ โลจิสติกส์ และการสื่อสาร ในไทยด้วย โดยเฉพาะในภาคโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ที่ต้องอาศัยความเร็ว ความแม่นยำ และระบบเรียลไทม์อย่าง 5G SA ขับเคลื่อน
นอกจากนี้ การบริโภคดาต้าที่เพิ่มขึ้นยังสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจ Digital Platform, Content Creator, Smart Devices และ IoT ขณะที่กลุ่มโทรคมนาคมต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน Mid-Band และบริการ Differentiated Connectivity เพื่อรักษาคุณภาพบริการ พร้อมรองรับ AI และ AR/VR ที่จะกลายเป็นเมกะเทรนด์ถัดไปของอุตสาหกรรม
ที่มาข่าว:
ฐานเศรษฐกิจ









