Friday, April 19Modern Manufacturing
×

บ้านปู เพาเวอร์ กำไรครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 67

บ้านปู เพาเวอร์ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 67 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มุ่งขยายพอร์ตธุรกิจ สู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 

บ้านปู เพาเวอร์ กำไรครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 67

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2565 ด้วยกำไรสุทธิ 3,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 5,083 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาเสถียรภาพการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง รวมทั้งสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกระแสเงินสดมั่นคง บริษัทฯ ยังคงมุ่งขยายพอร์ตธุรกิจตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยประสบความสำเร็จในการลงทุนเพิ่มทั้งในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนาม และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่าภายในปี 2568

บ้านปู เพาเวอร์ กำไรครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 67

[Factory News Live!] WeeklyReport | FactoryNews ep.22 / 19 Aug 2022

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในครึ่งแรกของปี 2565 บ้านปู เพาเวอร์ ยังคงให้ความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง และยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ ท่ามกลางสถานการณ์ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทั่วโลก รวมถึงการเข้าไปดำเนินงานในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีในสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้บริษัทฯ เมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในตลาดที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันยังสามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอจากการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์ในสัดส่วนที่เหมาะสม บริษัทฯ ยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเป็นอย่างดีสะท้อนจากผลตอบรับที่ล้นหลามจากการจองหุ้นกู้จำนวน 5,500 ล้านบาทในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา”

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 ของบ้านปู เพาเวอร์ ส่วนหลักเกิดจากการเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ในสปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทย ที่มีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) สูงถึงร้อยละ 91 และร้อยละ 94 ตามลำดับ ทำให้สามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น เนื่องจากมีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Heat and Power: CHP) ทั้ง 3 แห่งในจีน มีปริมาณการขายและราคาขายไอน้ำเพิ่มขึ้น จากความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมบางส่วนที่ฟื้นตัวกลับมา

สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในไตรมาส 3 ของปี 2565 คาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชูง็อก (Chu Ngoc) กำลังผลิต 15 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์น็อนไห่ (Nhon Hai) กำลังผลิต 35 เมกะวัตต์ ประเทศเวียดนาม เนื่องจากเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขาย รวมถึงมีโอกาสในการเพิ่มเมกะวัตต์จากการดำเนินธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปตอบสนองนโยบายสนับสนุนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจิ้งติ้ง ในประเทศจีนอีกด้วย 

นอกจากนี้ บ้านปู เพาเวอร์ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานผ่านการลงทุนในบ้านปู เน็กซ์ โดยล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือกับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ และดูราเพาเวอร์ สร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในไทย ตั้งเป้ากำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ภายในปี 2569  

“บ้านปู เพาเวอร์ ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักความยั่งยืนที่ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social, and Governance: ESG) โดยสร้างการเติบโตทางธุรกิจและการลงทุนภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter เพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ของบริษัทฯ ให้ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า และนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเพื่อพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้ตอบสนองต่อรูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต เรามีความพร้อมในการเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนต่อไปในระยะยาว”

Nichaphan W.
Marketing
READ MORE
×