element14
San IE Tech
เทคโนโลยีบล็อกเชน

เทคโนโลยีบล็อกเชน Blockchain ติดตามคุณภาพสินค้าในโรงงาน

Date Post
08.05.2025
Post Views

เทคโนโลยีบล็อกเชน คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

ในยุคที่อุตสาหกรรมการผลิตต้องแข่งขันกับเวลา ต้นทุน และความต้องการด้านความโปร่งใส เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามายกระดับมาตรฐานการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการติดตามคุณภาพสินค้าในโรงงาน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางผู้บริโภค

เทคโนโลยีบล็อกเชน คือ ระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Ledger) ที่บันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ ไม่สามารถแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูลย้อนหลังได้โดยง่าย ด้วยลักษณะการทำงานที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เทคโนโลยีนี้จึงกลายเป็นเครื่องมือที่หลายองค์กรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ หันมาให้ความสนใจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องการตรวจสอบย้อนกลับสินค้า เช่น อาหาร ยา อิเล็กทรอนิกส์ และโลจิสติกส์ ในโลกที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพยากรหลักขององค์กร ความแม่นยำและความปลอดภัยของข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ซึ่งนี่คือจุดแข็งที่เทคโนโลยีบล็อกเชนมอบให้กับโรงงานการผลิตยุคใหม่

หลักการทำงานของเทคโนโลยี Blockchain

หลักการทำงานของเทคโนโลยี blockchain นั้นไม่ซับซ้อนแต่ทรงพลัง ทุกครั้งที่มีธุรกรรมหรือข้อมูลใหม่เกิดขึ้น ระบบจะสร้าง “บล็อก” ใหม่ขึ้นมา บล็อกนี้จะประกอบด้วยข้อมูล (Data), ตัวแฮช (Hash) และแฮชของบล็อกก่อนหน้า เมื่อบล็อกใหม่ถูกเพิ่มเข้าในเครือข่าย มันจะต้องได้รับการยืนยันจากผู้ใช้งานในระบบ (Node) ว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องก่อนที่จะถูกเพิ่มในสายโซ่ (Chain) กระบวนการนี้ทำให้ข้อมูลในแต่ละขั้นตอนของการผลิต เช่น เวลาเข้ารับวัตถุดิบ การตรวจสอบคุณภาพในสายการผลิต และการจัดส่งสินค้า ไปจนถึงปลายทาง ถูกบันทึกไว้อย่างปลอดภัยและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงย้อนหลังได้ ด้วยหลักการนี้เทคโนโลยี blockchain จึงสามารถช่วยลดปัญหา “ข้อมูลไม่ตรงกัน” ระหว่างแผนกต่าง ๆ ในโรงงาน เช่น ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายควบคุมคุณภาพ ฝ่ายโลจิสติกส์ หรือแม้แต่พันธมิตรทางธุรกิจภายนอก ทำให้การตรวจสอบย้อนกลับสินค้าในระบบซัพพลายเชนทั้งหมดเกิดขึ้นได้จริง

องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีบล็อกเชน คือ

การเข้าใจองค์ประกอบของบล็อกเชน จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประเมินได้ว่า เทคโนโลยีนี้สามารถนำมาใช้ในกระบวนการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพในโรงงานได้อย่างไร ซึ่งองค์ประกอบหลักมี 4 ส่วนสำคัญ ดังนี้

  1. Block หน่วยข้อมูลที่เชื่อถือได้ – Block คือชุดของข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในระบบ เช่น ข้อมูลการรับวัตถุดิบ, การตรวจสอบคุณภาพสินค้าในสายการผลิต หรือเวลาการจัดส่งสินค้า ข้อมูลแต่ละรายการจะถูกรวมกันเป็น “บล็อก” หนึ่งชุด โดยในแต่ละบล็อกจะมี:
  • ข้อมูล (Data)
  • ค่าการเข้ารหัส (Hash)
  • ค่าการเชื่อมโยงไปยังบล็อกก่อนหน้า (Previous Hash)

การบันทึกข้อมูลเป็นบล็อกแบบนี้ทำให้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงงานสามารถย้อนรอยและตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

  1. Chain โซ่แห่งความต่อเนื่องของข้อมูล – Chain หมายถึงการเชื่อมต่อกันของแต่ละบล็อกด้วยระบบการเข้ารหัส โดยบล็อกใหม่จะเชื่อมโยงกับบล็อกก่อนหน้าแบบเรียงลำดับเหมือนห่วงโซ่ หากมีการแก้ไขใด ๆ ในบล็อกก่อนหน้า ค่าการเข้ารหัสจะเปลี่ยนทันที ทำให้สามารถตรวจจับการปลอมแปลงได้อย่างชัดเจน ในโรงงานผลิต นี่คือเครื่องมือสำคัญสำหรับ การควบคุมคุณภาพ (Quality Control) และ การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพราะข้อมูลในทุกจุดตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางจะถูกเชื่อมโยงกันตลอดเวลา
  2. Consensus กลไกยืนยันร่วมของเครือข่าย – Consensus คือกลไกการทำงานที่ทำให้ผู้เข้าร่วมในระบบเห็นพ้องกันว่าข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาในระบบนั้นถูกต้อง และควรถูกเพิ่มในบล็อกเชนจริงหรือไม่ ในภาคอุตสาหกรรม กลไกนี้ช่วยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณภาพ หรือขั้นตอนการผลิตจากหลายแผนก ได้รับการยืนยันจากระบบก่อนจะถูกบันทึกจริง เช่น ข้อมูลการตรวจสอบสินค้าอาจต้องได้รับการยืนยันจากทั้งฝ่าย QA และฝ่ายวิศวกรรมก่อนระบบจะถือว่าสมบูรณ์
  3. Validation การตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม – Validation คือกระบวนการตรวจสอบธุรกรรมหรือข้อมูลก่อนจะถูกนำไปใส่ในบล็อก โดยระบบจะตรวจสอบว่าเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นจริงหรือไม่ เช่น
  • สินค้าถูกผลิตตามมาตรฐานหรือไม่
  • ตรวจสอบเอกสารรับรองคุณภาพจากซัพพลายเออร์ครบหรือยัง
  • มีการเซ็นรับโดยผู้ควบคุมคุณภาพหรือไม่

หากข้อมูลไม่ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์ ระบบจะปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลนั้นเข้าสู่บล็อกเชน ซึ่งช่วย ลดข้อผิดพลาดและป้องกันการทุจริต ได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่างการใช้งานในอุตสาหกรรม

  1. CPF (Charoen Pokphand Foods)

หนึ่งในตัวอย่างของบริษัทไทยที่ประสบความสำเร็จในการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีบล็อกเชน คือ CPF ที่ได้นำระบบบล็อกเชนมาใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร เช่น ไก่สด แฮม ไส้กรอก และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่จำหน่ายในประเทศไทยและต่างประเทศ ผู้บริโภคสามารถสแกน QR Code บนบรรจุภัณฑ์สินค้าเพื่อเข้าถึงข้อมูลแหล่งที่มาของวัตถุดิบ วันเวลาที่ผลิต การผ่านมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัย ไปจนถึงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ CPF สามารถลดปริมาณเอกสารที่ต้องใช้ในการรับรองความปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และสร้างความแตกต่างทางการแข่งขันในตลาดระดับโลกได้อย่างชัดเจน

  1. SONY

บริษัทโซนี่ ได้ก้าวเข้าสู่โลกของ เทคโนโลยี blockchain ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า “Soneium” ซึ่งเป็นระบบแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้บล็อกเชนเป็นแกนกลาง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยผู้สร้างสรรค์ในวงการบันเทิงให้สามารถจัดการลิขสิทธิ์และการกระจายเนื้อหาอย่างโปร่งใส แม้จะไม่ได้อยู่ในภาคการผลิตโดยตรง แต่แนวทางของ Sony ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือในข้อมูลได้เช่นกัน

  1. Singapore Exchange Limited (SGX)

ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ใช้บริการ Amazon Managed Blockchain เพื่อยกระดับกระบวนการชำระบัญชีของการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยใช้บล็อกเชนเป็นแกนกลางของระบบธุรกรรม ผลลัพธ์คือสามารถลดระยะเวลาในการชำระบัญชีได้ถึง 60% และเพิ่มความโปร่งใสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างธนาคาร ผู้ดูแลสภาพคล่อง และลูกค้า ซึ่งเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในระบบการเงินที่ต้องการความแม่นยำสูง

สรุปและแนะนำการใช้งาน

จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีทางการเงินหรือใช้ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้น แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวางในภาคการผลิตและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในบริบทของการติดตามคุณภาพสินค้าในโรงงาน โดยเทคโนโลยีบล็อกเชน คือ เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบแรกเริ่ม การผลิต การตรวจสอบคุณภาพ ไปจนถึงการขนส่งสินค้าไปถึงมือลูกค้า โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกบันทึกแบบเรียลไทม์และแก้ไขย้อนหลังไม่ได้ ทำให้ทุกฝ่ายสามารถตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมหลาย ๆ ประเภท ที่ต้องมีการตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินงานอย่างละเอียด

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company