ด้วยการเปลี่ยนแปลงของอุปทานในการผลิตอันรวดเร็ว รวมถึงความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์และภัยจากสภาพแวดล้อมโลกแปรปรวน รวมถึงปัญหาของสังคมสูงอายุ ทำให้การสร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิตมีความท้าทายอย่างมาก หนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาที่ผู้ผลิตทั่วโลกทำ คือ การลงทุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัล หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงไป แต่สำหรับประเทศไทยที่ส่วนใหญ่ยังไปไม่ถึงอุตสาหกรรม 3.0 จะปรับตัวอย่างไรกันดี? คุณ Brian Tsai, Sales Director จาก AAEON ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AIoT ในภาคการผลิตจะชวนผู้อ่านไปหาคำตอบด้วยกันในวันนี้ครับ
เมื่อความท้าทายในการผลิต คือ ‘ความสมดุล’ ระหว่างศักยภาพในการแข่งขันและความยั่งยืน
“สิ่งที่เรามองเห็นในภาคการผลิตทุกวันนี้ คือ การที่ผู้ผลิตต้องปรับตัวอย่างมาก และเร่งสร้างศักยภาพในการแข่งขันที่ต้องมองภาพให้ไกลยิ่งขึ้น กลายเป็นว่าผู้ประกอบการก็ต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันควบคู่ไปกับความพยายามในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในมิติต่าง ๆ” คุณ Brian Tsai เล่าถึงภาพความท้าทายในธุรกิจการผลิตยุคใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากความท้าทายระดับสากล สู่ผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศไทย
ในฐานะที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของประเทศไทยนั้นเป็นการผลิตแบบ OEM ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเวลานี้ คือ นโยบายภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีความแปรปรวน ผันผวน และรุนแรง ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในการผลิต ซึ่งอาจก่อให้เกิดการถดถอยของ GDP โลก 1% ในขณะเดียวกันก็ยิ่งเป็นการเสริมแรงให้กับการย้ายฐานการผลิตที่ต่อเนื่องมาจาก COVID-19 ทำให้ซัพพลายเชนต่าง ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงกันแทบทั้งหมด ทำให้แต่ละประเทศ แต่ละธุรกิจ ต้องยกเครื่องเรื่องของการส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันกันใหม่
ในขณะเดียวกันปัญหาความเร่งด่วนของสภาพแวดล้อมก็ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เกิดข้อกำหนดด้านภาษีและมาตรการต่าง ๆ ขึ้นมา อาทิ CBAM เพื่อควบคุมผลกระทบกับธุรกิจอันหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการผลิตที่มีการใช้งานทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งไม่เพียงแต่จะพิจารณาเฉพาะขั้นตอนการผลิตเท่านั้นแต่ยังครอบคลุมไปทั้ง Supply Chain อีกด้วย ทำให้ทุกข้อมูลและทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นต้นทุนของธุรกิจทั้งสิ้น
ผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในประเทศและระดับโลกต่างลงความเห็นว่าการใช้งานเทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนต่าง ๆ ได้ ด้วยการบูรณาการโซลูชั่นด้านดิจิทัลเข้ากับเทคโนโลยีด้าน OT (Operational Technology) สมัยใหม่อย่างหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีการผลิตยุค 4.0 ไม่ว่าจะเป็น AI หรือ EDGE Computing ซึ่งจะเปลี่ยนภูมิทัศน์การผลิตไปจากเดิมตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน ภาพรวมของการใช้เทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติของไทยอยู่ที่ประมาณอุตสาหกรรม 2.0 นิด ๆ ที่กำลังก้าวไปเป็น 3.0 เท่านั้น (ข้อมูลจาก Thailand i4.0 Index) ทำให้เกิดความพยายามในการปรับเปลี่ยนโรงงานขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าไม่ใช่โรงงานทั้งหมดที่ลงทุนทำการเปลี่ยนแปลงจะประสบผลสำเร็จ
‘เพิ่มประสิทธิภาพให้ถูกที่ บูรณาการให้เหมาะสมกับตัวธุรกิจ’ คำตอบของ AAEON ในการ Transformation ยุคปัจจุบัน
“สำหรับประเทศไทยที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้เทคโนโลยีการผลิตยุค 4.0 ให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องเข้าใจหลักการสำคัญของการผลิต 4.0 เสียก่อน” คุณ Brian Tsai กล่าวถึงแนวทางในการปรับเปลี่ยนหรือลงทุนในการผลิตของผู้ประกอบการในประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วยประเด็นหลัก ดังนี้
- การเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของการผลิต
- การลดต้นทุนการดำเนินงานและการพึ่งพาแรงงานมนุษย์
- การเพิ่มความสามารถในการควบคุมคุณภาพและการตัดสินใจแบบ Real-Time
- การรองรับการผลิต Mass Customization ซึ่งมีปริมาณน้อยและตัวสินค้ามีความหลากหลาย
- การสร้างโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory)
ในการเริ่มต้นเพื่อทำการ Transformation โรงงานหรือธุรกิจนั้น คุณ Brian Tsai ได้แนะนำว่าให้พิจารณาที่ปัญหาหลัก (Pain Point) ที่มีความสำคัญที่สุดเสียก่อน โดยจำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลให้ครบมิติเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ผู้บริหารหรือเจ้าของมองว่าเป็นปัญหานั้น มีความสำคัญและเร่งด่วนจริง ๆ ซึ่งการใช้บริการ System Analyst (SA) จะช่วยให้เห็นภาพเหล่านี้ชัดขึ้น ในขณะที่ System Integrator (SI) จะเข้ามาทำงานร่วมกับ SA เพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจริง ขั้นตอนทั้งหมดนี้จะเป็นการดำเนินการที่อยู่บนพื้นฐานแนวคิดการผลิตยุค 4.0 ซึ่งผลิตภัณฑ์จาก AAEON ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ASUS Group สามารถสนับสนุนผู้ประกอบการที่สามารถจับต้องได้ และผู้เชี่ยวชาญจาก AAEON เองก็มีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดโดยเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของธุรกิจ
AAEON ผู้ช่วยสำหรับโรงงานอัจฉริยะและหุ่นยนต์ในยุคการผลิตแบบยั่งยืน
AAEON หรือ AAEON Technology Inc. เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม 4.0 คอมพิวเตอร์สำหรับอุตสาหกรรม และ EDGE AI สำหรับ IoT อัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบหรือการผลิต โดยก่อตั้งขึ้นมาในปี 1992 ณ ไต้หวัน และในปี 2011 ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ASUS Group ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกด้านคอมพิวเตอร์และ IT ที่ทุกคนรู้จักกันดี ซึ่ง AAEON ได้ทำงานร่วมกับผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก อาทิ NVIDIA, Intel, AMD, Hailo และ NX จึงทำให้เกิดเป็นแพลตฟอร์ม AI EDGE หลากหลายรูปแบบที่พร้อมใช้งานกับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเข้าใจถึงเงื่อนไขความท้าทายที่เกิดขึ้น
“AAEON ของเรานั้นเชี่ยวชาญในการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ (Customization) จึงสามารถออกแบบคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรมให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของแอปพลิเคชันได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งยังร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอื่น ๆ ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค การสนับสนุนลูกค้า และมีการพัฒนาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเป็นความเชี่ยวชาญในการผลิตที่มีความโดดเด่น” คุณ Brian Tsai ชี้ให้เห็นถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ AAEON โดยส่วนหนึ่งของความเชี่ยวชาญ ได้แก่
การบูรณาการ Digital Twin
โซลูชั่นจาก AAEON สามารถบูรณาการเข้ากับเทคโนโลยี Digital Twin ได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้สามารถจำลองและปรับแต่งกระบวนการผลิตในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงได้ การทดสอบและปรับแนวทางการทำงานต่าง ๆ จึงไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุจริง สามารถลดความสูญเปล่า ตลอดจนลดต้นทุนในการลองผิดลองถูก รวมถึงลด Carbon Footprint ได้อย่างมาก ตลอดวงจรการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการ Transformation ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่า Digital Twin ยังเปิดโอกาสให้เกิดการติดตามการทำงานแบบ Real-time การวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับแต่งต่าง ๆ แบบ Real-Time จึงลดการใช้ทรัพยากร ลดคาร์บอน ลดต้นทุน เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการมุ่งหน้าสู่การผลิตสีเขียว (Green Manufacturing)
ระบบอัตโนมัติโรงงานอัจฉริยะ
AAEON มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีกลุ่ม AI หุ่นยนต์ และ Machine Vision ซึ่งเป็นโซลูชั่นอัจฉริยะสำหรับโรงงานอัตโนมัติที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอ สามารถป้องกันความสูญเปล่าได้แบบ Real-Time และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรยุคใหม่ด้วย EDGE AI ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้การซ่อมบำรุงเชิงพยากรณ์ การตรวจจับความผิดปกติ และการควบคุมกระบวนการเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังแก้ปัญหาในเรื่องของความท้าทายแรงงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
UP Xtreme 7100 Edge โซลูชั่นสำหรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่รับประกันด้วยรางวัล TAIWAN EXCELLENCE 2025
สำหรับผู้ที่นิยมสินค้าที่มีความคุ้มค่าสูง ไม่ว่าจะในเรื่องของคุณภาพอันโดดเด่น หรือราคาที่เข้าถึงได้ TAIWAN EXCELLENCE เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายที่สามารถรับประกันความคุ้มค่าด้านนวัตกรรมหรือโซลูชั่นจากไต้หวันได้เป็นอย่างดี โดย AAEON ได้มีผลิตภัณฑ์รับรางวัล TAIWAN EXCELLENCE 2025 นั่นคือ UP Xtreme 7100 Edge ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรมที่ถูกออกแบบมาใช้งานกับหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในการผลิตยุค 4.0
“ในการออกแบบระบบหุ่นยนต์ ปัญหาที่ลูกค้าหรือ SI มักต้องเจอ คือ การรวมอุปกรณ์หลายชิ้นเข้ามาทำงานด้วยกัน ทำให้เกิดต้นทุนที่สูง และใช้เวลายาวนาน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว AAEON จึงได้ร่วมมือกับผู้ผลิตหุ่นยนต์ชั้นนำเพื่อพัฒนา UP Xtreme 7100 Edge ในฐานะโซลูชั่นแบบ All-in-One ที่มีความสามารถในการประมวลผล, อินเทอร์เฟซ 24V DIO, CAN bus และฟังก์ชันควบคุมไว้ในเครื่องเดียว ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ชิ้นส่วนเสริมอื่น ๆ ทำให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการแข่งขันได้อย่างแตกต่าง” คุณ Brian Tsai กล่าวถึง UP Xtreme 7100 Edge ผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ที่ได้รับรางวัลจาก TAIWAN EXCELLENCE 2025 ในปีนี้ ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับตลาดหุ่นยนต์หลากหลายรูปแบบ เช่น หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR), ยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ (AGV), ระบบควบคุมหุ่นยนต์, หุ่นยนต์บริการ, หุ่นยนต์ทางการแพทย์ และ Cobot
คุณสมบัติเด่นของ UP Xtreme 7100 Edge: การออกแบบที่เรียบง่ายและครบวงจร: รวมการประมวลผล, 24V DIO และ CAN bus เข้าไว้ในระบบเดียว ประหยัดต้นทุน: ลดความจำเป็นในการใช้ชิ้นส่วนเพิ่มเติม ประกอบง่าย: ลดเวลาและแรงงานในการติดตั้งด้วยการออกแบบที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO): ช่วยลดค่าบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายด้านจัดหาในระยะยาว การติดตั้งที่รวดเร็ว: พร้อมใช้งานทันทีด้วยโซลูชั่นแบบบูรณาการ รองรับการผลิตในปริมาณมาก: มีความน่าเชื่อถือในการจัดหาและสนับสนุนระยะยาว สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ: มีความยืดหยุ่นในการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะด้าน |
สัมผัสศักยภาพ UP Xtreme 7100 Edge จาก AAEON ได้ที่ MANUFACTURING EXPO 2025 นี้เท่านั้น!
“เราเข้าใจว่าหลายธุรกิจนั้นกระตือรือร้นที่จะอัปเกรดและเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลัก ๆ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และจะเลือกโซลูชั่นที่เหมาะสมได้อย่างไร นั่นคือเหตุผลที่ขั้นตอนแรกสำคัญที่สุด คือ การค้นหาว่าลูกค้าต้องการอะไรจริง ๆ ซึ่ง AAEON นั้นมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสำหรับโรงงานอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นระบบหุ่นยนต์, ระบบสายพานลำเลียง, Industrial Gateway และระบบด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นของ Cybersecurity ทำให้เรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มขั้นสูงเหล่านี้จะช่วยยกระดับภาคการผลิตของไทย ไม่เพียงแต่ในด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและระบบอัตโนมัติ แต่ยังสนับสนุนการประหยัดพลังงานและทรัพยากร ซึ่งล้วนเป็นกุญแจสำคัญในเส้นทางสู่การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” คุณ Brian Tsai สะท้อนภาพความเข้าใจที่มีต่ออุตสาหกรรมไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
“ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ผลิตหุ่นยนต์ บริษัทที่ต้องการขยายการประยุกต์ใช้ AI อย่างยืดหยุ่น หรืออยู่ในกลุ่มตลาดเฉพาะทางโซลูชั่นที่หลากหลายของเราถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ เราขอเชิญชวนทุกท่านมาค้นพบว่า AI จะสามารถเสริมศักยภาพให้คุณก้าวสู่การผลิตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร เรายินดีที่จะได้ต้อนรับทุกท่านที่ TAIWAN EXCELLENCE PAVILION ในงาน MANUFACTURING EXPO 2025 ปีนี้ครับ”
พลาดไม่ได้! ผู้ประกอบการที่สนใจใน EDGE สำหรับโรงงานอัจฉริยะและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมยุคใหม่ UP Xtreme 7100 Edge จาก AAEON สามารถร่วมพูดคุยและสัมผัสประสบการณ์จริงได้ที่ TAIWAN EXCELLENCE PAVILION บูธหมายเลข 8F11 ในพื้นที่ของ ASSEMBLY & AUTOMATION TECHNOLOGY ภายในงาน MANUFACTURING EXPO 2025 ได้ที่ BITEC บางนา ระหว่างวันที่ 18 – 21 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น. โดยสามารถเข้าชมงานได้ฟรี!
“พบโซลูชั่นด้านความยั่งยืนสำหรับการผลิตยุคใหม่ที่คุ้มค่า พบกันได้ที่ TAIWAN EXCELLENCE PAVILION ในงาน MANUFACTURING EXPO 2025 นี้เท่านั้น!”
- Pages:
- 1
- 2