Saturday, July 27Modern Manufacturing
×

Toyota เตรียมใช้สายการผลิตแบบใหม่สำหรับรถยนต์ EV

Toyota เตรียมใช้สายการผลิตแบบใหม่สำหรับรถยนต์ EV
Toyota เตรียมใช้สายการผลิตแบบใหม่สำหรับรถยนต์ EV

Toyota Motor เตรียมเริ่มใช้วิธีการผลิตรถยนต์แบบใหม่กับยานยนต์ไฟฟ้าในเจเนอเรชันถัดไปที่มีการวางแผนนำออกสู่ตลาดในปี 2026

Toyota เตรียมใช้สายการผลิตแบบใหม่สำหรับรถยนต์ EV

โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ NHK WORLD – JAPAN ได้ระบุว่าในอนาคตสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota ในรุ่นต่อไปจะไม่ใช้สายพานลำเลียงในการเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่กำลังผลิตอีกต่อไป แต่รถยนต์จะทำการขับเคลื่อนผ่านกระบวนการผลิตด้วยตัวเอง

นอกจากนั้น Toyota ก็มีการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ในการผลิตตัวถังของรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการใช้เครื่องหล่อขนาดยักษ์ ‘Giga-casting’ หรือการหล่อขึ้นรูปชิ้นส่วนขนาดใหญ่ขึ้นมาในครั้งเดียวเข้ามาใช้ในผลิตส่วนหน้าและส่วนหลังของรถยนต์ ซึ่งจะช่วยลดน้ำหนักของชิ้นส่วนและช่วยปรับปรุงความสมบูรณ์ของโครงสร้างรถยนต์ได้

โดยการปรับปรุงกระบวนการผลิตรถยนต์ให้มีกระบวนการที่น้อยลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นนี้ทำให้ Toyota คาดว่าบริษัทจะสามารถลดการลงทุนในโรงงานลงได้ถึงครึ่งหนึ่งจากระดับปัจจุบัน

Toyota เริ่มใช้งานกระบวนการผลิตแบบใหม่แล้วบางส่วน

ในปัจจุบันกระบวนการนี้ยังได้เริ่มถูกนำไปใช้งานจริงแล้วบางส่วนในโรงงาน Motomachi ของ Toyota ในจังหวัดไอจิ ที่ทาง Toyota ได้ระบุว่าตัวยานพาหนะที่มีการประกอบเสร็จแล้วบางส่วนจะทำการขับตัวเองไปอย่างช้า ๆ ภายในโรงงาน ราวกับว่ากำลังถูกลำเลียงด้วยสายพาน โดยเสามารถทำได้ผ่านการผสมผสานเอาเทคโนโลยีการจดจำด้วยเซนเซอร์เข้ากับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติมาใช้นั่นเอง

และนอกจากการปรับปรุงสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ทาง Toyota ยังตั้งเป้าหมายที่จะนำแบตเตอรี่ชนิด All-Solid-State มาใช้ในเชิงพาณิชย์ให้เร็วที่สุดภายในปี 2027 โดยคาดว่าแบตเตอรี่นี้จะสามารถช่วยลดเวลาในการชาร์จและมอบระยะการเดินทางที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้าได้

การปรับปรุงสายการผลิตในครั้งนี้จะช่วยให้ Toyota สามารถลดความซับซ้อนของขั้นตอนการผลิตลงได้ ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนและเวลาที่ต้องใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคนลดต่ำลงอย่างมีประสิทธิภาพ และจะช่วยให้ Toyota สามารถครองตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกเอาไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง

Jirapat R.
A Content Creator with multiple interests and a fitness enthusiastic.
READ MORE
×