Thai Murata
iscar
วิศวกรสวมชุดเซฟตี้และหมวกนิรภัย กำลังใช้เครื่อง Ultrasonic Testing (UT) วัดความหนาของท่อในโรงงานอุตสาหกรรมกลางแจ้ง โดยมีท่อเหล็กสีขาววางเรียงเป็นแนวยาว พร้อมฉากหลังเป็นอาคารและเสาไฟแรงสูง ถ้าอยากเพิ่มเวอร์ชั่นสั้นสำหรับใส่ metadata ก็มีนะ บอกได้เลยเดี๋ยวกูหั่นให้

วัดความหนาท่อเชื้อเพลิงโดย Ultrasonic measurement

Date Post
06.06.2025
Post Views

การตรวจสอบความหนาของท่อ (Pipe Thickness Measurement) เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) และการจัดการความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ (Asset Integrity Management) โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ เช่น โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี เทคนิคที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ Ultrasonic Testing (UT) เนื่องจากให้ข้อมูลที่แม่นยำ รวดเร็ว และไม่ทำลายชิ้นงาน (Non-Destructive)

หลักการของ Ultrasonic Testing (UT)

UT ทำงานโดยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonic Pulse) ผ่านหัววัด (Probe) ลงบนพื้นผิววัสดุ เมื่อคลื่นเสียงกระทบกับด้านหลังของชิ้นงาน (Back Wall) หรือข้อบกพร่อง (Discontinuity) คลื่นจะสะท้อนกลับมายังหัววัด จากนั้นเครื่องมือจะคำนวณระยะเวลาของการสะท้อนกลับ (Time of Flight) และแปลงเป็นค่าความหนา (Thickness)

สูตรพื้นฐาน:

Thickness=Vt/2

โดยที่

  • V = ความเร็วของคลื่นเสียงในวัสดุ (m/s)
  • t = เวลาเดินทางของคลื่นไปกลับ (μs)

ประเภทหัววัด (Transducer / Probe)

ประเภทหัววัดคุณสมบัติการใช้งานจริง
Single Element Probeหัววัดแบบเดี่ยว(ส่ง–รับในหัวเดียวกัน)– ใช้กับพื้นผิวเรียบ- ท่อขนาดใหญ่, Plate
Dual Element Probeมี 2 คริสตัล (ส่ง–รับ แยกกัน)– ลดผลกระทบจากพื้นผิวขรุขระ- ท่อมีสนิม, Corrosion, Rough surface
High Temperature Probeทนความร้อนสูงถึง 500°C– วัดท่อที่ใช้งานอยู่ (On-stream) โดยไม่ต้อง Cool down
Miniature / Small Diameter Probeหัววัดเล็กพิเศษ– ใช้กับท่อขนาดเล็ก OD < 2”- พื้นที่เข้าถึงยาก
Corrosion Mapping Probe (UT Scan)หัววัดสำหรับ Corrosion Mappingเช่น TOFD หรือ PAUT– ใช้ตรวจ Corrosion pattern แบบ Area scan- งาน Critical เช่น Reactor, Vessel

ข้อจำกัดของเทคนิค UT ในการวัดความหนาท่อ

แม้ว่า UT จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาในการใช้งานจริง ดังนี้

ข้อจำกัดรายละเอียด
ผิวหน้าไม่เรียบพื้นผิวที่มีสนิม, การกัดกร่อนหนัก หรือคราบสกปรก จะทำให้สัญญาณอ่อนหรือผิดเพี้ยน
รูปร่างท่อโค้งสำหรับท่อขนาดเล็ก (OD < 2″) การสัมผัสของหัววัดอาจไม่สมบูรณ์ ทำให้ค่าคลาดเคลื่อน หรืออาจต้องเลือกหัววัดที่รองรับ
Coating หรือ CUIถ้ามีการเคลือบผิว (Paint, Coating) หนาหรือฉนวน อาจต้องถอดออกก่อนวัด
อุณหภูมิสูงการวัดบนท่อร้อน (>50°C) ต้องใช้หัววัดชนิดพิเศษ เพราะค่าความเร็วคลื่นจะเปลี่ยน
ความหนามากเกินUT ทั่วไปเหมาะกับความหนา 2–300 มม. ถ้าหนาเกินไป สัญญาณสะท้อนจะอ่อนเกิน

ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ UT

ความแม่นยำสูง — สามารถวัดความหนาได้ละเอียดถึง 0.01 มม.
รวดเร็วและประหยัดเวลา — วัดจุดต่อจุดได้ภายในไม่กี่วินาที
ไม่ต้องตัดชิ้นงาน — เป็นเทคนิค Non-Destructive ลด Downtime ในโรงงาน
ใช้กับวัสดุหลากหลาย — Steel, Stainless Steel, Alloy, Composite (บางชนิด)
สามารถบันทึกข้อมูลได้ง่าย — สำหรับทำ Trend Analysis และ RBI Planni สรุปภาพรวมแบบมืออาชีพ

บทสรุป

การใช้เทคนิค UT ในการวัดความหนาท่อ เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินสภาพของท่อในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเมื่อบูรณาการร่วมกับ Risk-Based Inspection (RBI) จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงของการรั่วไหลหรือการแตกหัก และสนับสนุนการวางแผนหยุดซ่อมบำรุง (Turnaround Planning) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
Theca25