ในอุตสาหกรรมการแปรรูปโลหะ เช่น แม่พิมพ์หรือชิ้นส่วนยานยนต์นั้นมักจะเกิดการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของน้ำมันหล่อเย็น (Cutting Fluid) ที่อาจมีสัดส่วนต้นทุนในงาน Machining สูงถึง 20% นำไปสู่ความพยายามในการลดต้นทุน ซึ่งน้ำมันหล่อเย็นจาก Mecom Industries Corp (MCM) ที่สอดคล้องกับแนวคิดด้าน Green Manufacturing สามารถช่วยผู้ประกอบการในการลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้อย่างคุ้มค่า
เพื่อให้เห็นภาพของผลกระทบจากน้ำมันหล่อเย็นในภาคการผลิตได้ชัดเจนและตรงประเด็น Dr. HO CHIEU GUAT ตัวแทนจาก MCM มาแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้อ่านของ MM Thailand ในวันนี้ “ธุรกิจของเรามุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเกิดความยั่งยืนทั้งสภาพแวดล้อมและตัวธุรกิจ ซึ่งน้ำมันหล่อเย็นที่ผลิตจากพืชจาก MCM นั้นเป็นอนาคตที่สดใสของอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่อง CNC ในการเปลี่ยนผ่านสู่พื้นฐานของการทำงานที่รักษ์โลกมากยิ่งขึ้น”
น้ำมันหล่อเย็นตัดโลหะจากปิโตรเลียม ภัยร้ายที่โรงงานอาจไม่เคยรู้ตัว
“คุณรู้ไหมว่าน้ำมันหล่อเย็นที่ใช้ในเครื่อง CNC ส่วนใหญ่ในตลาดนั้นมีพื้นฐานมาจากปิโตรเลียม?” คุณ Ho ได้เปิดประเด็นขึ้นมาให้เกิดคำถามต่อไปว่า ‘แล้วน้ำมันหล่อเย็นที่ผลิตจากปิโตรเลียมนั้นมีปัญหาอะไร?’ เราอาจเคยเห็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากปิโตรเลียมในชีวิตประจำวันมากมาย เช่น พลาสติก น้ำมันเชื้อเพลิง หรือปิโตรเลียมเจลลี่ที่เราคุ้นชินกัน แล้วสิ่งเหล่านี้จะอันตรายได้อย่างไร?
“ในระหว่างกระบวนการ Machining นั้น สารหล่อเย็นที่ผลิตจากปิโตรเลียมจะกลายเป็นละอองน้ำมัน เป็นไอระเหย ไปจนถึงการเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่เป็นอันตรายทำให้เกิดปัญหาสุขภาพของแรงงาน ทั้งยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันได้มีการออกกฎหมายควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม ภาษีคาร์บอน และ KPI ในการลดความสูญเปล่าขึ้นมาด้วยกลไกรายงานด้าน ESG เงื่อนไขข้อบังคับเหล่านี้ได้กลายเป็นความท้าทายใหม่สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่อง CNC” คุณ Ho เล่าถึงภาพของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้น้ำมันปิโตรเลียมที่ส่งผลต่อทั้งศักยภาพการทำงานภายในโรงงาน และการประเมินศักยภาพของโรงงานจากปัจจัยภายนอก โดยผลกระทบที่เกิดจากปอดจะยิ่งมีมากขึ้นในพื้นที่ที่มีการตัดเฉือนที่มีอุณหภูมิสูง และ 80% ของปัญหาที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสผิวหนัง มักเกิดจากการสัมผัสน้ำมันหล่อเย็นที่ใช้กันทั่วไปโดยตรง
ผลกระทบจากน้ำมันหล่อเย็นแบบปิโตรเลียมต่อต้นทุนธุรกิจ
ผลกระทบในด้านของสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้น จากเอกสารงานวิจัย ‘Life Cycle Assessment to Establish Sustainable Cutting Fluid Strategy for Drilling Ti-6Al-4V’ สะท้อนให้เห็นว่าต้นทุนของน้ำมันหล่อเย็นในงานตัดเฉือนนั้นคิดเป็นต้นทุน 17% ของกระบวนการผลิตทั้งหมด และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 20% สำหรับวัสดุที่ทำการตัดเฉือนได้ยาก สอดคล้องกับข้อมูลจากเอกสาร ‘A Review on Green Machining: Environmental and Economic Impacts of Cutting Fluids’ ที่ชี้ว่าต้นทุนของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เกิดจากการใช้น้ำมันหล่อเย็นในการตัดเฉือนนั้นมีสัดส่วนมากถึง 15% ซึ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูงนั้นจะเพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีก เช่น อุตสาหกรรมอากาศยาน เป็นต้น ต้นทุนเหล่านี้นั้นเกิดจากการใช้งานทรัพยากรอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน, น้ำ, การบำบัดหรือกำจัดหลังการใช้งานต่าง ๆ อีกด้วย
“หนึ่งในทางออกที่มีประสิทธิภาพของผู้ประกอบการที่ต้องใช้น้ำมันหล่อเย็น คือ การเปลี่ยนมาใช้น้ำมันหล่อเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างน้ำมันหล่อเย็นที่ผลิตจากพืช จะช่วยให้ผู้ประกอบการรับมือกับความท้าทายของการผลิตยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดระดับของ PM2.5, ไอระเหยของน้ำมัน และการฟุ้งกระจายที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่าง Mecom MCM G2 Plant-Based Cutting Fluid ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ทั้งยังสามารถยืดอายุของเครื่องมือกล ปกป้องจากสนิม และยังอ่อนโยนต่อการสัมผัสของผิวหนังอีกด้วย” คุณ Ho เล่าถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนการเลือกใช้น้ำมันหล่อเย็นสำหรับงานตัดเฉือนที่สร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าหลายคนอาจเกิดคำถามว่าน้ำมันหล่อเย็นที่ผลิตจากพืชคืออะไร? แล้วจะไปดีกว่าน้ำมันจากปิโตรเลียมได้อย่างไร?
น้ำมันหล่อเย็นสำหรับงานตัดเฉือนจาก MCM การเดินทางสู่ความยั่งยืนและการลดต้นทุนอย่างมีความรับผิดชอบ
สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักน้ำมันหล่อเย็นจากพืชที่ใช้ในงานตัดเฉือนนั้นว่าคืออะไร คุณ Ho ได้อธิบายถึงความหมายและความแตกต่างกับน้ำมันหล่อเย็นแบบเดิม ดังนี้ น้ำมันหล่อเย็นจากพืชนั้นเป็นการสังเคราะห์ Ester ซึ่งเป็นสารเคมีจากอินทรีย์ขึ้นมาเพื่อทดแทนน้ำมันแร่ (Mineral Oil)สามารถลดการสร้างก๊าซที่มีอันตรายได้ เช่น การลดคาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) ได้ 48%, อนุภาค PM 47%, ซัลเฟอร์ออกไซด์ (SOx) 100% และ Polycyclic Aromatic Hydrocarbons (PAHs) ได้ถึง 80% ซึ่งมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 5 – 10 ปี ช่วยลดการกำจัด และการเกิดของเสียปลายน้ำ ช่วยให้ลดต้นทุนและความสูญเปล่า โดยข้อมูลเหล่านี้อ้างอิงจากผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อเย็นของ MCM เป็นหลัก
สำหรับประโยชน์ในการใช้งานน้ำมันหล่อเย็นจากพืชนั้น คุณ Ho ได้แบ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผลลัพธ์ที่เกิดกับสิ่งแวดล้อม ผลลัพธ์ที่เกิดกับสุขภาวะแรงงาน และผลลัพธ์ด้านความปลอดภัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผลลัพธ์ที่เกิดกับสิ่งแวดล้อม
- น้ำมันหล่อเย็นจากพืชเป็นการต่อยอดจากชีวมวล เรียกได้ว่าเป็นวัฏจักรคาร์บอนแบบปิด ทำให้องค์กรสามารถก้าวเข้าสู่แนวคิด Net Zero ซึ่งเป็นอุดมคติอันแสนสำคัญของการปฏิบัติการที่ยั่งยืน
- สร้างจาก Ester สังเคราะห์ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่และย่อยสลายทางชีวภาพได้
- แก้ปัญหาคุณภาพเสื่อมถอยและคุณสมบัติที่เป็นกรดได้ในระหว่างช่วงอายุการใช้งาน ช่วยลดทั้งน้ำเสีย ต้นทุน และ Carbon Footprint
ผลลัพธ์ที่เกิดกับสุขภาวะแรงงาน
- สอดคล้องกับนโยบายและข้อกำหนดของภาครัฐ ซึ่งไม่มีสารที่เป็นพิษหรือน่ากังวล อันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแรงงานในพื้นที่
- ไม่มีการเติมแต่งสารกันเสีย (Biocide)
ผลลัพธ์ด้านความปลอดภัย
- ด้วยจุดเดือดที่สูงถึง 300 องศาเซลเซียส ทำให้น้ำมันหล่อเย็นจากพืชสร้างกลุ่มสารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยเป็นไอได้ง่าย (VOC) และได้น้อยกว่าในระหว่างการตัดโลหะ ช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสและเพิ่มคุณภาพอากาศให้สถานที่ปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี
“ในมุมของการปกป้องสิ่งแวดล้อมนั้น น้ำมันหล่อเย็นจากพืชสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ง่าย และย่อยสลายได้เร็วหลังจากทิ้งแล้ว ทำให้ลดการสร้างมลพิษและการปนเปื้อนได้ดี ในมุมของสุขภาวะนั้นถือว่ามีส่วนช่วยในการลดการปลดปล่อยก๊าซอันตราย ซึ่งส่งผลต่อระบบหายใจ ในมุมของธุรกิจและประสิทธิภาพเรียกว่าคุณภาพการหล่อลื่นแบบดีเยี่ยม ลดอุณหภูมิได้ดี และปกป้องสนิม ทำให้อายุของเครื่องมือกลยืนยาวยิ่งขึ้น ในมุมของการจัดการทรัพยากรก็เรียกว่าทำให้ซัพพลายมีความเสถียรมากขึ้น หมดกังวลเรื่องการขาดแคลนทรัพยากรหรือต้นทุนที่จะตามมาในการใช้งาน และในแง่ของการปฏิบัติตามกฎหมายของหรือข้อกำหนดในการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ด้วยการปกป้องสุขภาวะแรงงาน การควบคุมต้นทุนการผลิต ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้เป็นความคุ้มค่าที่เกิดขึ้นจริงจากการใช้งานน้ำมันหล่อเย็นจาก MCM แล้วทั้งสิ้น” จะเห็นได้ว่าแนวคิดการใช้งานน้ำมันหล่อเย็นจากพืชที่ผ่านประสบการณ์ของผู้อยู่ใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมอย่าง คุณ Ho นั้นทำให้เห็นถึงคุณค่าได้อย่างชัดเจน
โดยผู้ที่สนใจน้ำมันหล่อเย็นจากพืชภายใต้แบรนด์ MCM สามารถสัมผัสและพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริงได้ที่ TAIWAN EXCELLENCE PAVILION ภายในงาน Manufacturing Expo 2025 โดยมีผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ ได้แก่
SUPERSYN Climate-Friendly Plant-Based Cutting Fluid น้ำมันหล่อเย็นจากพืชสำหรับงานตัดเฉือนชนิดผสมน้ำ ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน
น้ำมันหล่อเย็นที่สังเคราะห์จากพืชชนิดผสมน้ำจาก MCM มีจุดเด่นที่อายุการใช้งานยาวนาน มีกลิ่นและไอระเหยน้อย แม้จะมีอายุการใช้งานยาวนานแต่ตัวสารหล่อลื่นยังคงสภาพที่จะไม่เกาะและลดการเกิดฟอง รวมถึงมีความสามารถในการลดอุณหภูมิได้อย่างยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับการกัดชิ้นงานเพื่อขึ้นรูปสำหรับโลหะหลากหลายชนิด
SUPERSOL ESG Plant-Based Cutting Fluid น้ำมันหล่อเย็นจากพืชสำหรับงานโลหะ ชิ้นงานระดับพรีเมียม
น้ำมันหล่อเย็นจากพืชสูตรพรีเมียมจาก MCM มีคุณสมบัติพิเศษในการต้านทานน้ำกระด้าง แบคทีเรีย และการเกิดออกซิเดชัน รวมถึงมีความสะอาดเป็นพิเศษ มีควันและไอระเหยในระดับต่ำ ทั้งยังทำความสะอาดง่ายภายหลังการใช้งาน เหมาะกับงาน Machining ที่มีเงื่อนไขท้าทาย เช่น อะลูมิเนียมอัลลอย, Forge Aluminium Alloy, สเตนเลสสตีล, ไทเทเนียมอัลลอย และโลหะทั่วไป สามารถใช้งานกับการทำ Machining ความเร็วสูง ช่วยลดคาร์บอนและต้นทุนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผลิตชิ้นงานระดับพรีเมียม เช่น อุตสาหกรรมอากาศยานได้
ค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ที่ทำให้ธุรกิจการผลิตเกิดความยั่งยืนได้ที่ TAIWAN EXCELLENCE PAVILION ภายในงาน MANUFACTURING EXPO 2025 นี้เท่านั้น!
เรื่องของความท้าทายในการผลิตด้วย CNC นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นข้อบังคับด้านความยั่งยืนที่เกิดขึ้นในซัพพลายเชน หรือข้อกำหนดในการส่งออกสินค้า การที่โรงงานจะประยุกต์เอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงแนวคิดค่านิยมที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงมาใช้ จะทำให้ตัวธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล อย่างการผลิตสามารถแข่งขันและเติบโตได้ภายใต้บริบทที่กำลังเปลี่ยนแปลงและเร่งแข่งขันกันอยู่ในปัจจุบัน
“ความท้าทายด้านความยั่งยืนนั้นเกิดขึ้นทั่วโลก การนำนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่าง AI เข้ามาปรับให้เข้ากับบกระบวนการการทำงาน สามารถช่วยในเรื่องการลดคาร์บอนที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการลดต้นทุน ลดความสูญเปล่า และลดการใช้พลังงานอย่างจับต้องได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เซ็นเซอร์อัจฉริยะจะทำให้เกิดการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์แบบ Real-Time ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรเตรียมพร้อมและวางแผนการบูรณาการเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น ทำให้เกิดความยั่งยืนที่ส่งผลดีต่อตัวธุรกิจเองและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ” คุณ Ho กล่าวถึงแนวทางการปรับตัวของภาคการผลิตไทยที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของการดำเนินนโยบายด้านความยั่งยืน
“ในวันนี้เรื่องของ Green Transformation นั้นไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่เป็นส่วนสำคัญในการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น ทั้งยังเป็นตัวชี้วัดศักยภาพในการแข่งขันอีกด้วย MCM ในฐานะที่เป็นแบรนด์ด้านการผลิตที่ใส่ใจและมุ่งเน้นในเรื่องของ ESG จึงเป็นพันธมิตรในอุดมคติสำหรับผู้ผลิตและผู้แปรรูปโลหะ ไม่ว่าจะเป็นแม่พิมพ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอากาศยาน อุปกรณ์การแพทย์ และอุตสาหกรรมมูลค่าสูงอื่น ๆ ที่ต้องการใช้น้ำมันหล่อเย็นจากพืชที่สร้างความยั่งยืน ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาสัมผัสแอปพลิเคชันการใช้งานจริง รวมถึงพูดคุยเรื่องประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นทางเทคนิคได้กับทีมของ MCM ภายในงาน MANUFACTURING EXPO 2025 เพื่อให้การผลิตของคุณเป็นไปตามเป้าหมาย ESG และเติบโตอย่างยั่งยืน” คุณ Ho กล่าวถึงโอกาสในการแข่งขันยุคใหม่ที่ MCM ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันหล่อเย็นเพื่อความยั่งยืนสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการไทยได้ พร้อมเชิญชวนให้มาทดลองใช้และพูดคุยเกี่ยวกับน้ำมันหล่อเย็นจากพืชที่สนับสนุน ESG ได้อย่างใกล้ชิด ภายในพื้นที่ของ TAIWAN EXCELLENCE PAVILION ในงาน MANUFACTURING EXPO 2025
พลาดไม่ได้! ผู้ประกอบการที่สนใจน้ำมันหล่อเย็นจากพืชสำหรับงานตัดเฉือนด้วยเครื่อง CNC จาก MCM สามารถพูดคุยและสัมผัสประสบการณ์จริงได้ที่ TAIWAN EXCELLENCE PAVILION บูธหมายเลข 8F11 ในพื้นที่ของ ASSEMBLY & AUTOMATION TECHNOLOGY ภายในงาน MANUFACTURING EXPO 2025 ได้ที่ BITEC บางนา ระหว่างวันที่ 18 – 21 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น. โดยสามารถเข้าชมงานได้ฟรี!
“พบโซลูชั่นด้านความยั่งยืนสำหรับการผลิตยุคใหม่ที่คุ้มค่า พบกันได้ที่ TAIWAN EXCELLENCE PAVILION ในงาน MANUFACTURING EXPO 2025 นี้เท่านั้น!”
- Pages:
- 1
- 2